เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

อึ๊ย...น้ำยายไหย ขอนู๋หม่ำด้วยคนนะพี่เมาท์นะ...

 

(||)คำว่าไม่พร่อง จึงไม่เคยขาด คำนี้ไม่ใช่ความเห็นครับ แต่ผมว่ามันคือความจริงนะครับคุณเดรด

พอเข้าใจจึงปล่อยวางความเชื่อเดิม และเส้นทางสายใหม่ก็จะปรากฎขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ

เรื่องลูกค้าจ่ายเงินช้า หากทำธุรกิจเราก็จะเข้าใจว่า การที่เราคาดหวังให้ลูกค้าจ่ายตังค์ มักเราก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาไม่จ่ายหละ ตอนนี้ก็มีสองความคิด สองอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ดังนั้นความคิด และอารมณ์ไหนแรงกว่า เหตุการณ์ต่างๆก็จะตอบสนองสิ่งที่เข้มข้นกว่า แต่อีกความคิด และอารมณ์อื่นๆ ที่ความเข้มน้อยกว่า ก็จะเป็นส่วนผสมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

แต่เมื่อเข้าใจแล้วว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา และจิตใจเราเป็นสุข ลูกค้าที่ดีๆที่พึงปราถนาก็จะเดินเรียงคิวเข้ามาครับ แต่ลูกค้าที่เราไม่อยากได้ ก็จะค่อยๆทยอยหายไปตามจิตใจของเราที่ดึงดูดมา แต่ถ้าไม่มีลูกค้าที่ไม่ดี เราก็จะไม่รู้จักคำว่าอดทน อดกลั้น ปล่อยวาง ทั้งลูกค้าที่ดี และไม่ดี ต่างเป็นครูที่สะท้อน อารมณ์ ความคิด และจินตนาการของเราทั้งสิ้น

เมื่อจิตใจเปลี่ยนไป มีความอดทน อดกลั้น มีความสุขในใจเพิ่มมากขึ้น เส้นทางสายใหม่จึงปรากฎได้อย่างเป็นรูปธรรม

ความคิดเห็นจาก ปสก.เหมือนกันนะครับ ขอเชิญเพื่อนๆวิจารณ์ และต่อยอดได้ตามอัธยาศัยครับ ;8

กำลังคลานต๊วมเตี๊ยมๆๆๆ ตอบคำถามอยู่เหมือนกันครับ :z6
คำถามนี้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ พี่นักเขียน (f)

 

อิ่มจากพี่เม้าท์แล้ว มาต่อกันด้วยของหวานครับ
ดูท่าจะรับน้องใหม่กันอิ่มแปร้เลยนะครับวันนี้ ครบทุกรสชาติจริงๆ อิอิ

เมื่อวานได้ไปดูเค้าสักยันต์มา..ของอาจารย์หนู
ที่สักทำให้ดารา Hollywood และดาราไทยจนโด่งดังครับ
วันธรรมดาคนก็มาสักยันต์ห้าแถวกันเป็นร้อยครับ ตอนนี้กำลังสร้างเป็นภาพยนต์ด้วย
จริงๆแล้วไปเรื่องงานออกแบบวิหารหลวงปู่ทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้เค้าล่ะครับ
จริงๆก็ไม่ได้สนใจหรือคิดจะสักสักนิดเลยนะ แต่เชื่อว่าอาจารย์เค้าวางตัวดี อยู่ในศีลในธรรม มาตลอด 20 ปี และมีแต่ให้บริจาคทำบุญตลอด ทุกวันนี้จึงยังคงได้รับความศรัทธาอย่างต่อเนื่อง และอาจารย์หนูก็บอกเสมอว่า "สักไปแล้วจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่เช่นนั้นสักไปก็ไม่มีความหมาย"

หมายถึงความเชื่อความศรัทธาของตัวเองเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดครับ พลังเกื้อหนุนต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความเชื่อของตัวเองทั้งนั้นครับ เหมือนพลังจากพระเครื่องหรือของขลังทั้งหลายก็มาจากเหตุผลเดียวกัน (ไม่ว่าจะของจริงหรือปลอม) จิตจะเป็นตัวเชื่อมโยงสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา..ดึงดูดเข้ามาได้เพราะจิตทั้งนั้น แต่อย่าหลงคิดว่าตัวเราเป็นผู้วิเศษไปยึดติดเข้าซะก่อน ไม่งั้นเดินอ้อมไปไกลกว่าจะกลับมาได้อีกครั้งเสียเวลานะครับ แต่ถาเปลื่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้ เราจะเข้าใจและวางเฉยและรู้จักใช้ประสบการณ์เหล่านั้นให้ถูกต้องได้ครับ

โจทย์พี่นักเขียนฯ ถามมาดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะตอบ อิอิ..ขอไปขบคิดก่อนครับ

 

เพิ่งรู้ว่า...กลุ่มนักฝัน...มารวมตัวกันอยู่ที่นี่เอง
มาร่วมเป็นสมาชิก...ตามหาความจริงของความฝันด้วยคนค่ะ...
เพิ่งมาใหม่...ได้อ่านบทความของ คุณ "โนวา อนาลัย" ไปบางส่วนแล้ว
เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากๆค่ะ...ขออนุโมทนาด้วยนะคะ...
สำหรับคุณ "โนวา อนาลัย" ...คุณ mead
และนักล่าหาความจริงแห่งความฝันทุกท่าน

 

ยินดีต้อนรับคุณ azalia สู่ห้องวิทย์ครับ มีนักล่าฝันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง..^-^
จัดโต๊ะ+เก้าอี้พิเศษไว้ให้แล้ว เชิญนั่งหน้าห้องเป็นเพื่อนคุณ ศรีรัตนา เลยครับท่าจะฝันเก่งทั้งคู่
จะแอบไปเล่นของเล่นหลังห้องก็ได้ครับตามสบาย (อิอิ) รุ่นพี่ออกมารับน้องกันครับ..

;39

 

ทานอาหารเย็นของคุณ mountain แล้ว
ต่อของหวานของคุณ mead อิ่มแปร้เลย..เอิ๊ก
ขอบคุณข้อคิดดีๆจากคุณ mead นะครับ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ก็มีของมาฝากอยู่เรื่อยเลยครับ ขอให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วย A++ นะครับ อิอิ

(||)ยินดีต้อนรับคุณ Azalia นะครับ(||)

 

แจ่มจริงๆ นะครับ

กินมาก ขี้มาก นอนมาก ฝันมาก

เล่าต่อไปเถิดครับท่าน เรื่องความฝันชาติภพ ไม่จบกันง่ายๆ หรอกครับ

 

ตั้งสติ

จากประสบการณ์จากห้องอื่น
เข้าใจว่าคุณ "หล่อลากดิน" เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง
แต่มีลีลาออกแนว "กวนๆ" ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
และอาจต้องการทดสอบความหนักแน่นของพวกเรา
แต่ผมก็ไม่อยากให้เกิดบรรยากาศแบบในห้องอื่น
จึงอยากบอกว่า อย่าตกหลุมพรางของเขาเชียวนะ

 

กุญแจที่18 มาเข้าเหรอนี่

 

ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งหลายวัน มีเพื่อนๆมาอีกแล้ว อุ่นหนาฝาคั่ง ยินดีต้อนรับครับ

 

ขอบคุณสำหรับมิตรภาพอันอบอุ่น...ทำให้โลกนี้สวยงามน่าอยู่ขึ้นอีกมากๆ

...อันสรรเสริญ-นินทา เป็นธรรมดาของโลก
มีสติรู้เท่าทันปัจจุบันอารมณ์..อารมณ์ใดเกิดขึ้นแล้ว...กำหนดรู้...แล้วปล่อยวาง

ขอให้ทุกท่าน...รักษามิตรภาพที่ดีๆต่อกันแบบนี้ตลอดไปค่ะ อนุโมทนาสาธุ

 

อ่านเจอข้อความของ หล่อลากดิน แล้ว อารมณ์ เสีย !!

....ไป.เล่นเกม..ต่อดีกว่า ......

อาหาร พี่ mountain น่ากินจังคับ ดึกๆ แบบนี้เห็นแล้วหิว มากๆ *-*
แล้วยังขนมหวาน พี่ mead อีก โอ้ย หิวๆ จังเลย ไป 7-11 ดีกว่า
อิอิ

 

คุณ VeggieGuy ได้กล่าวถึงคำว่า บารมี ทำให้พี่นักเขียนตั้งคำถามว่า ความหมายของคำว่าบารมีนั้นคืออะไร ? ในฐานะจิตวิญญาณที่มีพลังอำนาจเสมอเหมือนกับต้นกำเนิด เราแต่ละคนมีบารมีมากหรือน้อยเพราะเหตุใด ? และเราจะสร้างบารมีได้อย่างไร ? บารมีสิบทัศเป็นบทสวดมนต์ที่พี่นักเขียนชอบที่สุดมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ไม่เคยค้นหาความหมายที่แท้จริง ชอบเพียงเพราะรู้สึกว่าไพเราะจับใจ สวดหรือได้ฟังแล้วรู้สึกอิ่มใจ คำกล่าวของคุณ VeggieGuy เลยทำให้ตระหนักได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องศึกษาหาความรู้และความหมายที่แท้จริงเสียที

พี่นักเขียนได้ค้นหาความหมายของคำว่า บารมี จาก Buddhist Dictionary ฉบับของท่าน Nyanatiloka พบว่า บารมี หรือ Parami (Paramita) หมายถึงความความเพียบพร้อม หรือ Perfection ซึ่งอาจแปลได้ว่าความเป็นเลิศ แต่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ความเป็นเลิศที่แท้จริงนั้น-ไม่มีจริง เพราะสิ่งที่เป็นเลิศจะถึงจุดที่เรียกว่า หยุดนิ่ง เพราะไม่ต้องการการพัฒนาอีกต่อไป แต่ไม่มีสิ่งใดในจักรววาลถึงจุดที่เป็นเลิศหรือหยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในภาวะที่-กำลังเป็นไป และจะพัฒนาหรือแปลงสภาวะต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น พี่นักเขียนจึงขอใช้คำว่า ความเพียบพร้อมแทนคำว่า ความเป็นเลิศ

คำจำกัดความของคำว่าบารมีในพุทธศาสนา ครอบคลุมถึง ความเพียบพร้อม 10 ประการด้วยกันอันได้แก่ :
1. perfection in giving (ทานบารมี) ความเพียบพร้อมในการให้ ซึ่งครอบคลุมถึงการให้วัตถุสิ่งของ ให้มิตรไมตรี ให้ความรัก ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล ให้การสนับสนุนทางกายทางใจ ให้อภัย ฯลฯ

2. morality (ศีลบารมี) ความเพียบพร้อมในการประพฤติในทิศทางที่เป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก มาตรฐานดังกล่าว แม้จะเป็นมาตรฐานที่มนุษย์กำหนดขึ้น แต่ก็เป็นมาตรฐานที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจของคนหมู่มากร่วมกัน

3. renunciation (เนกขัมมบารมี) ความเพียบพร้อมในการปฏิเสธซึ่งอภิสิทธิ์ ซึ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

4. wisdom (ปัญญาบารมี) ความเพียบพร้อมไปด้วยความรู้ ที่จะทำให้สามารถตัดสินใจได้ในทิศทางที่ชอบธรรม เป็นคุณและยุติธรรมต่อตนเองและผู้อื่น

5. energy (วิริยะบารมี) ความเพียบพร้อมไปด้วยพลัง และความมีชีวิตชีวาที่จะดำเนินการใดๆด้วยความพากเพียร

6. patience (ขันติบารมี) ความเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถที่จะอดทน รอคอย หรือแม้แต่ทนทานต่อสิ่งที่มารบกวนความสงบสุข ซึ่งเป็นความเพียบพร้อมที่จะทำให้บุคคลสามารถมีสติอยู่ในความสงบสุขได้เสมอแม้ในยามที่เผชิญหน้ากับอุปสรรคใดๆ

7. truthfulness (สัจจะบารมี) ความเพียบพร้อมในการกล่าวแต่ในสิ่งที่เป็นจริง และตอบสนองต่อความเป็นจริง

8. resolution (อธิฐานบารมี) ความเพียบพร้อมในเจตนา ซึ่งตั้งอยู่ด้วยเจตนาอันมั่นคงที่จะบรรลุเป้าหมาย

9. loving-kindness (เมตตาบารมี) ความเพียบพร้อมในการมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้อื่น การแสดงออกซึ่งการมีความอ่อนน้อม สุภาพ นุ่มนวลอ่อนหวาน การแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

10. equanimity (อุเบกขาบารมี) ความเพียบพร้อมในการมีอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่สงบสุขอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ภายใต้ภาวะที่เต็มไปด้วยอุปสรรค หรือความยุ่งยากกาย-ใจ

นักเขียนชาวห้องวิทย์ฯ เพิ่มจำนวนสมาชิกและผลัดหน้าสมาชิกไปตามกาลเวลา แต่ไม่ว่าสมาชิกหน้าใหม่ท่านนั้นจะเป็นผู้ใด ห้องวิทย์ฯก็มีเป้าหมายในการต้อนรับ ซึ่งพี่นักเขียนได้แจ้งไว้ให้ทราบในหน้าแรกสุดของกระทู้ว่า คือ การช่วยเหลือเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกันฉันญาติมิตรทางจิตวิญญาณ ทางเลือกของเราแต่ละคนล้วนเป็นทางเลือกอิสระ เพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต

คุณค่าชีวิตของเราแต่ละคน เติมเต็มได้ด้วยการสร้างสรรค์ในสิ่งที่นำมาซึ่งความปลื้มปิติสู่ตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าสิ่งสร้างสรรค์นั้นๆจะเรียกว่าเล็กจิบจ้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม หากมันนำมาซึ่งความปลื้มปิติ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ชีวิตได้อย่างคุ้มค่าเสมอ

โลกของเทคโนโลยี เป็นโลกอิสระที่คล้ายโลกจำลองหลากมิติ เราแต่ละคนปรากฏตัวในห้องวิทย์ฯได้อย่างฉับพลัน บางคนได้ใช้เวลาเลือกและตัดสินใจยาวนาน กว่าจะเข้าร่วมวงเป็นนักเขียนชาวห้องวิทย์ฯ และบางคนก็อาจเลือกและตัดสินใจเพียงแว้บเดียว ในขณะเดียวกันก็มีผู้อ่านนับหมื่นนับแสนที่ตัดสินใจเลือกที่จะเป็นผู้อ่านเงียบๆ โดยใช้การตัดสินใจที่ไม่ใช่เพียงแว้บเดียว เพราะได้เลือกที่จะเป็นผู้อ่านเงียบๆมายาวนาน และได้เลือกซ้ำๆที่จะเป็นผู้อ่านเงียบๆต่อไป ความเงียบของทุกท่าน และความสนใจที่ท่านให้กับพวกเรานักเขียนชาวห้องวิทย์ฯ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ และเป็นเกียรติที่พวกเราชาวห้องวิทย์ฯปรารถนาที่จะตอบสนองด้วยความเคารพอยู่เสมอ ด้วยการเขียนในสิ่งที่เต็มไปด้วยสาระและคุณค่า การนำเสนอสิ่งที่เพิ่มพูนความรู้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งล้วนแต่มีเป้าหมายที่จะนำความปลื้มปิติมาสู่พวกเราชาวห้องวิทย์ฯด้วยกัน และผู้อ่านเงียบๆที่ได้กรุณาสละเวลาแต่ละวันอ่านกระทู้ของเรา

พี่นักเขียนจึงคิดว่า พวกเราชาวห้องวิทย์ฯได้สร้างสรรค์บารมีร่วมกันไม่มากก็น้อยตลอดมา เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเรา ด้วยความเพียบพร้อมในทิศทางต่างๆอันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคน ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างบารมีได้ตามลำพังด้วยตนเอง

1. perfection in giving (ทานบารมี)
หากปราศจากผู้รับ เราก็ไม่อาจสร้างความเพียบพร้อมในการเป็นผู้ให้ได้

2. morality (ศีลบารมี)
หากปราศจากผู้ที่สร้างความไม่พึงพอใจให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เราก็ไม่อาจเรียนรู้ที่จะสร้างความพึงพอใจในทิศทางที่ตรงกันข้าม

3. renunciation (เนกขัมมบารมี)
หากปราศจากผู้ที่ใช้อภิสิทธิ์ เราก็ไม่อาจเรียนรู้ถึงความเหลื่อมล้ำ

4. wisdom (ปัญญาบารมี)
หากปราศจากผู้ที่ไม่รู้ เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในความรู้ของตนเอง

5. energy (วิริยะบารมี)
หากปราศจากผู้ที่ไร้ความเพียร เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในความพากเพียรและความมีพลัง มีชีวิตชีวาของตนเอง

6. patience (ขันติบารมี)
หากปราศจากสิ่งที่มารบกวนความสงบสุข หรืออุปสรรคใดๆ เราก็ไม่อาจเรียนรู้ที่จะมีความอดทน

7. truthfulness (สัจจะบารมี)
หากปราศจากผู้ที่กล่าวเท็จ หรือกล่าวในสิ่งที่ไร้ความเป็นจริง เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในคุณค่าของความจริง

8. resolution (อธิฐานบารมี)
หากปราศจากเจตนาร้าย หรือเจตนาในแง่ลบ เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในคุณค่าของเจตนาอันบริสุทธิ์หรือเจตนาในแง่บวก ที่นำความสงบสุขมาสู่ตนเองและผู้อื่น

9. loving-kindness (เมตตาบารมี)
หากปราศจากผู้ที่มีความหยายคาย ไร้มารยาท และความเย็นชาต่อความรู้สึกของผู้อื่น หรือผู้ที่ไม่รู้จักการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในคุณค่าของความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้อื่น การแสดงออกซึ่งการมีความอ่อนน้อม สุภาพ นุ่มนวลอ่อนหวาน การแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

10. equanimity (อุเบกขาบารมี)
หากปราศจากกระแสที่กวนน้ำให้ขุ่น ปราศจากคลื่นลมที่ทำให้เรือหวั่นไหว เราก็ไม่อาจตระหนักได้ในคุณค่าของความสงบสุขของน้ำใสใจจริง ความสงบสุขของผิวน้ำอันปราศจากคลื่นลม

เราทุกคนจึงสามารถสร้างบารมี สร้างความเพียบพร้อมเหล่านี้ เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของตนเองได้เสมอ ด้วยการเลือกและตัดสินใจของตนเอง - ทุกลมหายใจ เป้าหมายของห้องวิทย์ฯ ไม่เคยเสื่อมสลาย เราต่างก็มาชุมนุมกันด้วยการเลือกและตัดสินใจของตนเอง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ การสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันฉันญาติมิตรทางจิตวิญญาณ ด้วยการสนทนากันเรื่อง มิติความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ เพราะสาระเหล่านี้ คือสาระของธรรมชาติของความเป็นจริง ที่เราทั้งหลายล้วนดำเนินชีวิตอยู่เป็นบุคคลตัวตน ผู้มาแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ด้วยการสร้างความเพียบพร้อมหรือบารมีในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์(rose)

 

มาต้อนรับคุณ อาซาเรีย และ คุณหล่อลากดินค่ะ เราทุกคนต่างก็กำลังแบ่งปันโลกใบเดียวกันอยู่ แม้จะต่างความคิดเห็นกันไปบ้าง นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่สุดแล้ว ปลายทางเราคือ ที่เดียวกัน

 

​

เห็นด้วยครับพี่นักเขียนฯ บารมีไม่เกิดหากไม่มีเงื่อนไขใดๆมากระทำนะครับ
การถูกรบกวนหรือถูกทำลายสติเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอครับ (สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวนมั๊ง!) เราควรมองเขาในแง่ดี ด้วยเหตุว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่ามีประโยชน์ ควรให้โอกาสเขาได้แก้ไขตนเองเพราะมนุษย์เรามีโอกาสคิดผิด ทำผิดได้ ขอให้ทุกคน รู้คิด-รู้รับ-รู้สึก-รู้กระทำ-รู้จำ-รู้สั่งกายครับ เชื่อว่าความรัก ความเมตตา ความโอบอ้อมอารี จะเป็นพลังขับดันให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกๆเรื่อง..ขอต้อนรับทุกคนครับ O-O

;aa34​

 

;31ยินดีต้อนรับคุณหล่อลากดินครับ

ณ ที่นี้ไม่มีเส้นแบ่งครับ เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเข้าสู่ความเป็นจริงร่วมกันนะครับ ;8
ตามไปอ่านบทความคุณ JIN แล้ว แปลได้ดีเลยครับ ;k06

 

เพราะบทเพลงแห่งความรักไม่ต่างจากบทเพลงแห่งความเกลียด เเหะๆ

 

รู้ทันพี่แกมาตั้งนานแล้วค่ะ...อิอิอ :d

 

ยินดีต้อนรับคุณ azalia
และ คุณหล่อลากดิน ค่ะ


ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สำหรับห้องวิทย์ ที่จะมีเพื่อนใหม่ๆ
แวะเวียนเข้ามาเป็นระยะ ...เมื่อถึงเวลา
อยู่ที่ว่าจะถึงคิวของใครเข้ามารับบท แสดงเป็นอะไร...

 

อนุโมทนา สำหรับบทความสร้างสรร...ของพี่นักเขียน "nova analai"
ทำให้ผู้อ่านมีจิตใจอ่อนโยนลง และ เห็นคุณค่าของคุณ "หล่อลากดิน"
ในอีกมุม...ที่สร้างสรร...
เพราะมีคนแบบคุณ...จึงได้ตระหนักรู้ใจตนเอง
รู้วิธีการอยู่กันอย่างสันติ...และเห็นคุณค่าของการให้กำลังใจกัน

(ขอสารภาพว่า แวบแรกที่เห็นชื่อตัวเอง...azalia และ คุณหล่อลากดิน...รู้สึกแปลกๆ
คิดในใจว่า...เหตุเพราะเราเคยปรามาสและเสียดสีใครไว้หนอ...จึงได้มาเข้ากระทู้นี้พร้อมๆเขา ทำให้ชื่อของเราต้องผูกติดกับชื่อเขาให้คนจดจำ...อันไม่บังควรเลย)

แค่ตัวหนังสือไม่กี่ตัว...ก็รบกวนจิตใจคนได้มากมาย...หลายร้อยพันคน

เราปล่อยวาง...เพราะรู้ทันเขา...
แต่ก็อดรำพันไม่ได้ว่า...เหตุจะประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้...ไม่น่าเลย