เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

เลิกเพ้อเจ้อ เอาแต่ตำหนิ แต่ให้ ยกมาเป็นข้อๆ แล้วบอกว่า ตำหนิตรงไหน ทางที่ถูกควรเป็นอย่างไร
เอาเป็นข้อๆ แล้วให้ผมแย้ง อย่ารีบๆ ร้อนๆ เขียนมาเป็นชุดๆ ผมขี้เกียจอ่าน

 

*คุณขันธ์ครับ สำนวนที่คุณสาธยายมาทั้งหมดนั้น มันคุ้นเคยยังชอบกลนะครับ
แต่ไม่เป็นไรครับยกประโยชน์ให้ก็แล้วกัน

ที่คุณสาธยายมานี้คุณกำลังจะบอกว่าคุณแยกจิตกับอารมณ์ได้แล้วใช่ไหมครับ???
และชำนาญเสียด้วยนะครับ
ที่คุณบอกว่าต้องอาศัยการทวน การพิจารณา การใช้กำลังสมาธิทำอย่างไร???

คุณขันธ์ครับ เรื่องพระสกิทาคามี
ผมจำได้นะครับว่าผมเตือนคุณเรื่องปากพล่อยๆพูดไปได้ว่า
พระอริยเจ้าชั้นพระสกิทาคานั้นมีกิเลส ที่อยู่ตรงหน้า จะลอยเวียนแต่ ราคะกับโทสะ
ส่วนตัวอื่นหายเงียบไม่เหลือเลย
เลิกทิฐิเสียทีเถอะครับ มันเป็นการกล่าวร้ายท่านว่า
ในหัวมีแต่ราคะกับโทสะลอยไปลอยมา ซึ่งไม่ต่างไปกับปุถุชนเลยนะครับ

ปุถุชนในหัวก็มีแต่ราคะโทสะลอยไปลอยมาเช่นกัน
ไหนคุยว่ากิเลสเหลือน้อย ถ้ามันเหลือน้อยจริงๆ
คุณต้องรู้สิครับว่าสภาวธรรมของพระอริยเจ้าเป็นอย่างไร
ไม่ใช่อย่างที่พูดมาหรอกครับ
เป็นเพียงแค่อารมณ์พอใจและขัดเคืองเล็กๆน้อยๆที่ประทับใจอยู่เท่านั้น
แล้วก็ไม่ใช่มีมันทั้งวี่ทั้งวัน จะมีก็ต่อเมื่อกระทบอารมณ์ที่ประทับใจท่านเท่านั้น
เรามองไม่ออกหรอกครับ ท่านรู้อยู่ของท่านเอง
ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรมที่คุณขันธ์พูดมานั้นมันเป็นพหิทาธรรมา
ซึ่งยังไม่ถูกต้องนะครับในบางส่วน เพราะที่พูดมายังไม่ตรงกับพุทธพจน์นะครับ
กรุณาอ่านมุตโตทัยที่ผมยกมาให้อ่านหลายเที่ยวนะครับ

;aa24

 

ที่ยกมาเป็นเพียงบางส่วน ของคำเทศนา
ไปอ่านให้ดี ไปศึกษาให้ดี แล้วจะเห็น
ไม่ใช่ยกมา เดี๋ยวผมก็ยก แต่เรื่องวิปัสสนามา แล้วบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องวิปัสสนา ไม่เห็นตรงกับ พระอาจารย์มั่นที่พูดเรื่องอุคคหนิมิต บ้าง
นี่ถ้าทำอย่างนี้มันก็วุ่นวายนะสิ เข้าใจไหม ทำอะไร แยกให้ออกหน่อย

 

เอามาทีละข้อ ธรรมภูติ ผมขี้เกียจเล่น

 

อย่าเพ้อเจ้อ สุดโต่ง วิปัสสนาส่วนวิปัสสนา สมถะ ส่วนสมถะ แยกด้วย

 

เอาหละครับ ผมมีธุระ ถ้าธรรมภูติ อยากจะถามอะไร ขอเชิญ สัก 3- 4 ทุ่ม แล้วผมจะพูดให้ฟัง
และเลิกซะที ไอ้ที่ พูดเรื่อยเปื่อย เอาแต่เนื้อๆ
ถ้าจะถาม เพราะความอยากรู้ ก็ให้ถาม
หรือ จะถามลองภูมิก็ได้ เลือกเฟ้นคำถามก่อน อย่าเอาคำถาม 1+1 เท่าไรไปถามสังฆราช จำไว้มันลองภูมิไม่ได้

 

คุณขันธ์ครับที่เพ้อเจ้อสุดโต่งหนะใครครับ

คุณไปเอาคำอ้างนี้มาจากไหนครับ ในสายพระอาจารย์ใหญ่ไม่มีการแยกนะครับ

อย่าตู่สิครับ เมื่อจิตยังสงบรวมตัวไม่ได้ดี

จะไปเอาวิปัสสนามาจากไหนละครับที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง

ต้องเพียงแค่ระลึกจิตก็สงบรวมตัวได้ ถึงจะใช้วิปัสสนาได้

ผมถึงได้ถามคุณว่าแยกจิตออกจากอารมณ์ได้แล้วหรือครับ???

สมถะและวิปัสสนาแยกออกจากกันไม่ได้นะครับ(และไม่ใช่หรือนะครับ)


;aa24

 

คุณขันธครับ อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหาสิครับ

ธรรมะของจอมศาสดาเป็นของจริงพิสูจน์ได้

มีเหตุมีผล ไม่ใช่คิดเองเออเองเอามาพูด

ต้องลงมือปฏิบัติจริงจัง(ทำมาพูด) ถึงมาพูดได้ครับ

เอาที่ผมถามตอบมาให้ได้ก็แล้วกัน

เชื่อไหมครับตั้งแต่รู้จักคุณมามีตอบผมอยู่คำถามเดียวเท่านั้น

ที่ตอบว่า "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" เป็นอนัตตา

ซึ่งผมก็บอกไปแล้วว่าคุณขาดความชอบธรรมที่จะเข้าถึงอริยะได้

ขนาดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังพึ่งไม่ได้ คุณขันธ์จะไปพึ่งใคร

ขนาด๑+๑ยังไม่ตอบเลย

และเคยถามที่เกินกว่า๑+๑ก็เห็นเป็นใบ้ไม่ตอบหมายความว่าอย่างไรครับ

ต้องโทษทีครับ ผมเป็นคนทำอะไรมีเวลั่มเวลา ผมจะมาอีกทีหลังปีใหม่ครับ

ปล. ถ้าคุณต้องการเสวนากันอย่างจริงจัง

เชิญเปิดทู้เฉพาะกิจได้เลยนะครับ๒คนเท่านั้น น้อมรอครับ


;aa24

 

มุตโตทัย(พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตะเถระ)
๘. สติปัฏฐาน เป็น ชัยภูมิ คือสนามฝึกฝนตน

อีกแห่งหนึ่งท่านกล่าวว่า
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระขีณาสวเจ้าทั้งหลาย
ชื่อว่าจะไม่กำหนดกาย ในส่วนแห่ง โกฏฐาส (คือการพิจารณาแยกออกเป็นส่วนๆ)
ใดโกฏฐาสหนึ่งมิได้มีเลย จึงตรัสแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้กล่าวถึงแผ่นดินว่า
บ้านโน้นมีดินดำดินแดงเป็นต้นนั้นว่า
นั่นชื่อว่า พหิทฺธา แผ่นดินภายนอก
ให้พวกท่านทั้งหลายมาพิจารณา
อัชฌัตติกา แผ่นดินภายในกล่าวคืออัตตภาพร่างกายนี้

จงพิจารณาไตร่ตรองให้แยบคาย
กระทำให้แจ้งแทงให้ตลอด
เมื่อจบการวิสัชชนาปัญหานี้
ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็บรรลุพระอรหันตผล

เหตุนั้นการพิจารณากายจึงเป็นของสำคัญ
ผู้ที่จะพ้นทุกทั้งหมดล้วนแต่ต้องพิจารณากายนี้ทั้งสิ้น
จะรวบรวมกำลังใหญ่ได้ต้องรวบรวมด้วยการพิจารณากาย

แม้พระพุทธองค์เจ้าจะได้ตรัสรู้ทีแรกก็ทรงพิจารณาลม
ลมจะไม่ใช่กายอย่างไร? เพราะฉะนั้นมหาสติปัฏฐาน มีกายานุปัสสนาเป็นต้น
จึงชื่อว่า "ชัยภูมิ" เมื่อเราได้ชัยภูมิดีแล้ว

กล่าวคือปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานจนชำนาญแล้ว
ก็จงพิจารณาความเป็นจริงตามสภาพแห่งธาตุทั้งหลาย
ด้วยอุบายแห่งวิปัสสนาซึ่งจะกล่าวข้างหน้า


;aa24

 

ดีครับคุณนิวรณ์

เอาเพลงอะไรมาให้ฟังหรือครับ

ผมพยายามจะส่งการ์ดอวยพรปีใหม่

แต่ส่งไม่ได้ คงเพราะแก๊สโซฮอลมั๊ง

ยังใช้เนทเต่าอยู่ เลยอดเป็นอริยไซเบอร์....


;aa24

 

ขุยไผ่ ฆ่า ต้นไผ่

อนิจจัง......

 

ต้นไผ่ เป็นใครบ้าง หนอ

ขุยไผ่ เป็นใครกันบ้าง หนอ

เราเป็น ตัวอ้น ขุดรู คอยกิน หน่อไผ่ อ่อนๆ ละกัน ฮุฮุ

อนิจจัง วตสังขารา ...

 

สุข หรือ ทุกข์ อยู่ทีใดหนอ

 

<label for="rb_iconid_30">.......
ก่าจะตามอ่านจนหมด...แต่ก็กกวาดๆ ตาเอาอ่ะนะ..
...บางเรื่อง เริ่มจะ วนไปวนมา แย้ว...
ถอยกันคนละก้าว น่าจะดีกว่านะคับ....
......
</label><label for="rb_iconid_30">
</label><label for="rb_iconid_31">ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทั้ง คุณขันธ์ แลัะคุณเอกวีร์</label><label for="rb_iconid_31"></label>
....เพราะจริงๆแล้วทั้งคู่ก็มีเจตนาดีด้วยกันทั้งคู่ คับ

 

และความจริง อีกอย่างว่า ธรรมทั้งหลายไม่ขัดกัน
ผู้ที่เดินถึงยอดเขาแล้ว.. เมื่อมองกลับลงมา ย่อมเห็นทางที่เดินขึ้นมาได้หลายทาง
ต่างจากผู้ที่กำลังเดิน แต่ยังไม่ถึง ยอดเขา... ย่อมมองเห็นแต่ทางที่เราเดินอยู่..
จึงเป็นเหตุ ให้เกิดการโต้เถียง.. ว่าของใคร ดีกว่าใคร...
จึงอยากให้ ทุกท่านพิจารณาดูเถิดเพื่อความเจริญในธรรม
...สาธุ สาธุ สาธุ ....<label for="rb_iconid_31"></label><label for="rb_iconid_31"></label><label for="rb_iconid_31"></label>

 

ธรรมภูตนี้ตลกดี สงสัยจะล้น

แล้วปีหน้า อยากจะถามอะไรก็ ตั้งคำถามมาแล้วกัน

 

.....
<label for="rb_iconid_30"></label> <label for="rb_iconid_30"></label>

 

อ.ขันธ์ เค้ามีแต่ขาดบาทขาดตาเต็ง

อันนี้ล้นเลยเหรอ

 

จะขาด หรือ จะล้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ท่าทางจะไปทางล้นนะ

เพราะดูแล้ว เป็นคนที่จดจำธรรม มามาก แต่จับประเด็นยังไม่เป็น

ยังไม่รู้เป้าหมายของคำถาม ยังขาดการพิจารณาคำูพูดของคน

แบบนี้เขาเรียกว่า ล้นครับ

แต่ไม่อยากนินทา ตอนเจ้าตัวไม่อยู่ รอปีใหม่ไปแล้วก่อน ผมจะรอ โต้แย้งกับธรรมภูติอีกที

แต่งานนี้ คาดว่า คงจะหนักหน่อย เพราะวิญญาณการรับรู้ธรรม ของธรรมภูติปิด เมื่อปิดแล้ว จะพูดอย่างไรเสีย ธรรมภูติคงไม่รู้สึกอะไร ที่จะเข้าถึงใจ

 

เป่าคับ ผมนัท...แบบนี้แหละคับ มีนัทเดียวคับ...

แล้วผมละคับ คุณขันธ์ มีไรแนะนำ ปะคับ <label for="rb_iconid_30"></label><label for="rb_iconid_30"></label>