เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ก็ ทุกท่าน ไม่ต้องไปหาพระมาตัดสินหรอก

    "พระธรรมและ พระวินัย จะเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราตถาคต "

    ก็ที่โต้แย้งกันมา ผมก็หยิบพระสูตรมาให้ดูแล้ว มันก็ไม่มีข้อโต้แย้งในด้านธรรมแล้ว
    เพราะทุกอย่างก็กระจ่างว่า ต้องปฏิบัติตนอย่างไร


    แต่คนที่โต้แย้งอยู่นี้ กำลังโต้แย้งเพื่อปกป้องตัวเองกับอดีตที่ล่วงมาแล้ว กับโต้แย้งด้วยโทสะกับ คนที่ขัดกับตน

    เพราะเนื้อหาก็มีแค่ว่า คุณมาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ทำไม คุณนั่นแหละไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
    ก็นี่แหละ มีแต่กิเลสแล้ว ไม่ใช่ธรรม

    ไม่เกี่ยวกับธรรมแล้ว ตอนนี้
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ประหลาดคน ไปๆมาๆ การยกคำแก้ต่างกลายเป็นเรื่องกิเลสที่ผมเป็นผู้เริ่ม

    แล้วคุณอุปโลกตัวเองเป็น ตำรวจ ทำไมครับ ผมไปจับมือคุณมาเป็นตำรวจเหรอ

    ผมนะแก้ต่างไปแล้วง่ายๆ ว่า ผมนั้นปฏิบัติอยู่หลายทาง แต่ทางที่เลือกให้เป็น
    ทางเข้าของคนอื่นๆนั้น คือทางของพระอาจารย์ปราโมทย์ จึงใช้คำว่า ดูจิต ดูเฉยๆ
    รู้ซื่อๆ รู้ลูกเดียว ไม่ต้องแก้ คำเหล่านี้คือ คำที่ใครได้ยินก็รู้ หรือจะรู้ได้ว่าเป็นคำ
    สอนของ พระอาจารย์ปราโมทย์ พระที่ยังดำรงขันธ์อยู่ หากมีอะไรสงสัยก็ไปถามท่าน
    เพราะผมไม่รับตอบข้อสงสัยมากมาย เพราะตัวเองก็เป็นผู้ปฏิบัติคนหนึ่ง ( แถมปฏิบัติ
    หลายทาง )

    คุณก็ไม่รับฟังเอง อันนั้นช่วยไม่ได้

    ส่วนเรื่อง คุณสอนผิด สอนแล้วมีสิทธิชี้ไปอรูปฌาณ ผมก็แจงให้เห็นแล้ว

    และตัวอย่างก็มีเสียด้วย คือ คุณวิมุตติ นั่นไง ที่เกือบสรุปว่า ทุกอย่างให้
    ดูที่วิญญาณอย่างเดียว นี่คือการยึดนามเป็นองค์ฌาณ ก็เกือบไปแล้ว แล้วมา
    ทบทวนดูคำสอนตัวเองสิ สอนอย่างไร รีบห้ามคุณวิมุตติใชไหม ว่าห้ามคิด(ดูเฉยๆ)
    ว่าห้ามสรุป(ดูเฉยๆ) ให้ดูตัวหนังสือ(เฉยๆ) เพื่อให้รู้ถึงใจ

    มันก็สอนแบบเดียวกันนั้นแหละ แล้วจะมากล่าวหาผมไปเพื่ออะไรว่า ผมเลือกคำ
    พระท่านมาแสดงเพื่อนำทางไปสู่พระท่าน มันผิด พระท่านเก่งในการสอน ท่านเลือก
    พยัญชนะ และอนุพยัญชนะได้เก่งกว่าคุณ ทำให้ผู้ศึกษาสับสนได้น้อยกว่า เพราะ
    ถ้าสับสน ท่านก็บอกว่าให้รู้ตัวว่า สงสัย เป็นปัจจุบันไป (เฉยๆต่อเรื่องราวก่อนหน้าซะ)

    คุณเห็น คำสอนที่คล้ายคำว่า เฉยๆ บ้างไหม แล้วตลกไหม ไปทบทวนเอาเอง

    แล้วขอร้องนะครับ เลิกคิดไปเลยว่าผมปฏิบัติทางเดียว ตะกี้ก็ฝึกมโนยิทธิเดินไปเดินมาอยู่

    แต่อย่าถามเพิ่มนะครับ เพราะผมไม่ต้องการเน้นการเดินห่างออกจากทางนิพพาน คนมา
    ได้ยินคำสอนแบบนี้น้อยคนที่จะไปยกวิปัสสนาญาณ มันมักจะเพลิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2009
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้วเรื่อง ยัดข้อหาผมแย้งพระสูตร นี่ขอร้องเถอะครับ อย่าทำ มันน่าเกลียด

    อยู่ดีๆ คุณตั้งตัวเป็นตำรวจ มากล่าวว่า หน้าที่ที่ผมปราวาณาว่าจะยกคำสอน
    พระซึ่งเป็นคำครูให้อุโฆษณ์ มันเป็นเรื่องผิด พอแก้ต่างแล้ว ตัวเองหลุดปาก
    พลั้งพลาดกลับไม่รับเหตุผล ตกกระไดก็จะกระโจน ไปยกเอาพระสูตรมาแสดง

    พออเราแย้งต่อในเรื่องหน้าที่ และให้เหตุผลไปแล้วว่า ผมปฏิบัติอย่างไรบ้างใน
    ชีวิตจริงนอกหน้าที่ ก็ได้ที สบโอกาส ยัดข้อหาว่าผมเถียงพระสูตร ผมไปเถียง
    พระสูตรตอนไหนไม่ทราบ พอลูกคู่ลูกศิษย์ที่ยังอ่านอะไรจับความแบบผิดๆถูกๆ
    มาเสริม ก็ยั้งไม่อยู่ ทั้งหมู่ ทั้งจ่า หลุดคำปรามาสไม่เลิก

    นี่ก็ไปทบทวนเอาเอง ว่า การกระทำของคุณหนะ คนอื่นเขาเห็นอย่างไร ผมแย้ง
    ต่อตัวบุคคลครับ แล้วอย่าตู่ว่าตัวเองเพียงแต่ไปยกพระสูตรมาแล้วจะถือเอาแต่
    ง่ายๆว่า ตัวเองเป็นฝ่ายธรรม เด็กเล่นขายของแล้วครับ การกระทำแบบนี้
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณขันธ์ครับ ผมเองก็เคยพูดไปแล้วนะครับว่า
    เห็นคุณกับคุณนิวรณ์ที่เพียรพยายามแนะนำธรรมะให้กับผู้ที่ใหม่อยู่
    และสนใจพุทธศาสนานั้น เป็นสิ่งดีนะครับ ถ้าสิ่งที่พูดตรงต่อพระบรมศาสดา
    เห็นมีการถกกันบ้างเป็นครั้งคราวพอให้กระทู้ไม่เหงา
    แต่เนื้อหาสาระส่วนใหญ่เป็นการโชว์ภูมิเสียมากกว่า ถูกผิดไม่สนใจ
    หามีความละอายต่อบาปไม่ ขอให้ได้คุยในสิ่งตนเองอยากคุยเท่านั้น
    ไม่ได้สนใจที่จะหาสัจจธรรมที่แท้จริงจากการสนทนานั้นเลย

    ผมเข้าเรื่องคุณกับผมดีกว่า คุณคงไม่กลืนน้ำลายตัวเองนะครับที่เคยพูดอะไรไว้
    สัจจวาจาคุณเองยังรักษาไม่ได้แล้วจะเอาสัจจธรรมที่ไหนมาเที่ยวสอนชาวบ้าน
    ในเมื่อคุณสอนมา ผมมีคำถาม คุณกลับไม่ตอบ
    แต่จะให้ฟังคุณพล่ามเพียงอย่างเดียว
    โดยที่ผมยังมีข้อธรรมข้องใจและค้างคาใจอยู่
    คุณต้องอธิบายให้กระจ่างสิ ไม่ใช่ใช้วิธีกล่าวหาว่าผมฟังไม่รู้เรื่อง
    ถ้าฟังคุณพูดไม่รู้เรื่องแล้วผมจะถามได้ถูกหรือ
    คุณเองต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง เรื่อยเปื่อย เพ้อเจ้อ

    เมื่อผมเตือนด้วยความหวังดี คุณเองต่างหากที่ไม่ยอมรับ
    ถ้าคุณไม่ยอมรับ คุณจำเป็นต้องตอบคำถามผมมาสิ ไม่ใช่เบี่ยงเบนไปทางอื่น
    แสดงให้เห็นถึงความไม่อาจหาญในธรรมที่รู้มา
    เนื่องจากภูมิรู้ที่มีมาจากการอ่าน จำ ท่อง คิด
    เมื่อเจอคำถามจากการปฏิบัติมักหลีกเลี่ยงที่จะตอบนะครับ...

    ครั้งนี้คิดว่าจะผ่านไป โดยไม่มีคำถาม
    แต่เห็นคุยฟุ้งเรื่อง
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ยกมาให้ดูอีกรอบ เผื่อจะได้สติ

    ทั้งหมด ผมไม่ได้ให้ยึดติด และ สิ่งที่วิมุตติถามนั้น เป็นสมมติ ซึ่งผิดทางพิจารณา
    ไม่ใช่ไม่ให้พิจารณา

    คุณนิวรณ์ คุณนี่เข้ารกเข้าพง ไปใหญ่แล้ว

    คุณ อย่าจับทุกอย่างมา ให้สอดคล้องกับการกระทำของคุณแบบนี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากคุณทำผิดพลาดอะไร คุณ ก็จับในเรื่องที่คุณทำมาเพื่อจะให้มันสอดคล้องกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องของคุณ

    การจับทุกอย่างมาให้สอดคล้องกับการกระทำของตนเป็น นิสัยของกิเลส ของคนพาล ว่า ดูนั่น คุณก็ทำ ดูนั่น คนนั้นก็ทำ โดยไม่ได้พิจารณาเลยในข้อแตกต่าง แต่สรุปเอาแต่ความคล้ายคลึง

    คุณ จำอะไรในการกระทำของตนเองได้บ้างหรือไม่ ว่าคุณพูดอะไรไปบ้าง

    ส่วนการ สอนของคุณ มันเป็นการ บอกว่า อย่าไปพิจารณา อย่าไปทำสมาธิ เดี๋ยวมันจะหลง โดยอ้างว่า สมาธิ มีก่อนพระพุทธเจ้า
    สุดท้าย กลับลำ สับสน ยุ่งเหยิง ในหัวคุณนี่ มันอันตรายนะ นิวรณ์ นี่ผมยกธรรมมาเตือน

    คุณ นี่ขาดสติ มาก พอกิเลสมา เลยกลายเป็นอะไรไป เถียงลมๆแล้งๆ เถียงข้างๆ คูๆ ก็เอา
    จับนั่นชนนี่ มั่วไปหมด
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุคคลทั่วไปหนึ่งคนครับ
    ยินดีครับที่ได้สนทนาด้วย ผมยังเป็นเพียงผู้ที่ยังต้องสดับ ยังต้องกระทำให้ตื้นอยู่ครับ
    ถ้าคำถามอะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่ผมพอรับใช้ได้ ผมก็ยินดีเสมอนะครับ
    แต่ขอให้ใช้วิจารณาญาณส่วนตัวอย่างรอบคอบ
    อย่าเพิ่งเชื่อ นิ่งฟัง ลองนำมาสมาทานดู
    ถ้าเห็นว่าดี มีประโยชน์ ผู้รู้ไม่ติเตียน ค่อยเชื่อนะครับ


    ;aa24
     
  7. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเกสท์ครับ
    คุณเข้าใจถูกเพียงครึ่งเดียวนะครับ
    เพราะคุณเองยังไม่รู้จักว่าสัมมาสมาธินั้นต่างจากสมาธิทั่วไปอย่างไรเลย
    สมาธิทั่วไปนั้นมีมาก่อนพุทธศาสนาเสียอีกนะครับ
    ซึ่งจอมศาสดาได้ปฏิเสธไปแล้ว เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ใหม่ๆนั้น
    ได้ทรงระลึกอาจารย์ทั้ง๒ของท่าน เมื่อไปถึงปรากฏว่าได้ล่วงลับไปแล้ว
    พระองค์ทรงตรัสถึงว่า ทั้ง๒ท่านได้ฉิ_หา_ไปเสียแล้วจากอริยผล

    คุณเกสท์ครับ
    การที่มีสติระลึกรู้อยู่ที่ฐานจนเป็นสัมมาสมาธินั้น
    มันไม่ใช่ความสุดโต่งนะครับ
    ที่ผมยกบทความข้างต้นมาให้อ่านเพื่อชี้ให้เห็นนะครับว่า
    สมาธิทั่วไปนั้นไม่ก่อให้เกิดสัมมาทิฐินะครับ นอกจากสัมมาสมาธิเท่านั้น
    คุณไม่ต้องกังวลหรอกครับว่า ผมจะติดสมาธิ
    ผู้ที่จะติดสมาธิก็มีแต่พวกที่ฝึกสมาธินอกพุทธศาสนาเท่านั้นนะครับ
    ถ้าเป็นสัมมาสมาธิแล้ว มีแต่ปล่อยวางอารมณ์ออกไปถึงจะเข้าถึงได้

    คุณรู้จักคำว่าพลิกแพลงมั้ยครับ ในทางโลกฟังแล้วเหมือนคนกะล่อน
    ส่วนในทางธรรมนั้นโดยเฉพาะสัมมาสมาธินั้น
    คุณต้องฝึกจากการที่เคยยึด พลิกแพลงกลับมาเพื่อปล่อยความยึดถือนั้นออกไป
    จึงจะเข้าสู่ฌานที่๑ได้นะครับ ถ้าไม่มีปัญญา(วิปัสสนา) ทำไม่สำเร็จหรอกครับ

    อันนี้แหละครับจึงจะเป็นวิปัสสนาที่แท้จริง ไม่ใช่คิดๆเอาด้วยสมองนะครับ
    อย่างนี้คนในโลกที่หัวดีระดับที่๑ของประเทศ ก็บรรลุหมดสิครับ
    ผมยังเห็นห้อย steth เดินสอนนักศึกษาอยู่เลย...


    ;aa24.
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณโลว์โปรไฟล์ครับ
    ดีมั้ยครับถ้าเรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนนะครับ
    สุญญตวิหารธรรมนั้น เป็นเรื่องที่ต้องกระทำเพื่อเข้าถึง
    โดยการปฏิบัติสัมมาสมาธิ จนจิตว่างจากอารมณ์ใดๆอย่างสิ้นเชิงที่ฌาน ๔
    นี้แลจึงเป็นสภาวะสุญญตวิหารธรรม

    เพียงคิดนึกเดาสวดเอา เป็นไปไม่ได้หรอกครับ
    ต้องฝึกฝนให้เข้าถึงจนเป็นวสี(ชำนาญ)...เพียงแค่นึกน้อมเท่านั้น


    ;aa24
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณครับ จะยกคำตัวเองมาอ้างอง ก็ยกให้ครบสิครับ เอาประโยคโปรย
    ข้อกล่าวหามาด้วย ไม่ใช่หยิบขี้ปากตัวเองเพียงบางส่วนมาสร้างความ
    ชอบธรรมต่อ โดยละส่วนที่ผิดพลาดออกไป

    ละอายกิเลสตัวเองบ้างเถอะครับ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ข้อนั้นเป็นเรื่องละเอียด ที่ผมก็บอกแล้วว่าผมยกมาเพื่อให้พวกคุณนำกลับเอาไปเป็นเทคนิค

    และหากคุณไม่เชื่อ สิ่งที่ผมพูด มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่า สิ่งนี้ผิด สิ่งนี้เลวร้าย

    คุณ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร อันนั้นก็แล้วแต่ คุณจะนำไปดู ไปพิจารณาตามหรือไม่

    เพราะสิ่งที่ผมพูดคือ การให้พิจารณา ขันธ์ 5 แล้ววางลง

    คุณอย่าพยายาม ทำอะไรด้วย อคติ มองดูให้รอบก่อนว่า คำพูดนั้น กำลังหมายถึงอะไร

    แต่ถ้าจะแย้ง ว่า ไม่ใช่หรอก การดูวิญญาณก่อน ไม่ได้ ต้องดู สัญญาก่อน

    แบบนี้ ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะนั่นเป็น หนทางเฉพาะตน

    แต่ถ้ามาแย้งว่า คุณขันธ์อย่ายกมาลอยๆ ข้อนี้ มันเป็นเรื่องปฏิบัติ ที่ออกมาจากใจ ที่เป็น เรื่องของความกระจ่างในแต่ละคน คุณจะให้ผมยก หลักฐานมาอย่างไร

    ไม่เชื่อก็ ไม่ต้องทำตาม เชื่อก็ทำตาม เพราะมันไม่มีถูกผิดนี่

    คุณธรรมภูติ กรุณาตั้งจิตใหม่ ให้มันมีกุศลหน่อย
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ละอายเรื่องอะไร หรือ คุณนิวรณ์ คุณจะให้ผมละอายเรื่องอะไร ในเมื่อผมหยิบ พระสูตรมา

    อีกประเด็นก็คือ นี่ผมเอาธรรม มาคุย แต่คุณเอากิเลสมาคุย นี่จะให้ผมละอายเรื่องอะไร
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณ ขันธ์ คุณจะถือว่าตัวเองเก่ง มองออกว่าผมปฏิบัติอะไรได้อย่างแท้จริงกระนั้นหรือ

    งั้นบอกผมสิ ตะกี้ผมเข้าสมาธิมโนยิทธิ ผมเดินไปไหนมาบ้าง !

    ถ้าตอบไม่ได้ หรือ รู้ว่าไม่ควรตอบ ก็เลิกสอนผมได้แล้ว แล้วกลับไปดูกิเลสตัวเองซะ

    คนอื่นๆ เขาเห็นกันหมดแล้ว คนที่เขาฟังธรรมมาเยอะ เขาก็พยายามบอกแล้วว่า
    คำสอนมันเหมือนกัน ต่างกันที่พยัญชนะ

    คุณเองก็ออกลูกยอมรับคำสอนแล้ว

    ที่นี้ คำสอน ก็ไม่ผิดในสายตาคุณแล้ว เรื่องคำว่า ดูเฉยๆ

    ทีนี้เหลือประเด็นยเดียว คือ สู่รู้ว่าผมปฏิบัติอย่างไร ทำเป็นรู้จริง จะชี้กิเลสผม

    ก็ตอบมาละกันว่า ผมปฏิบัติอย่างไรอยู่ ตอบให้ครบทุกกรรมฐานที่ผมทำแล้วผม
    จะขอทึ่งในความสามารถ แต่ไม่มีวันขอแสดงการนับถือ แต่ถ้าอยากได้ ก็ขอให้
    ออกปากมา จะให้
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้วคุณเป็นคนหรือเปล่า

    พูดภาษคนไม่รู้เรื่องเหรอ ว่าผม ไม่ได้ต้องการให้คุณมาชี้ทางธรรม

    เพราะคุณชี้ผิด ไม่ได้ชี้ตรงกับสภาวะที่ผมเป็น

    หากยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ ก็เลยตามเลยนะครับ

    จะชี้อีก ก็กลับไปนอนหง่าวคนเดียวละกัน

    เสียเวลาคุย กับคนไม่สิ้นตัณหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2009
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตลกดี มันเรื่องของคุณไม่ใช่หรือ คุณจะไปไหน เพราะผมไม่ใช่คน ไปนั่งคอยดูว่า คุณจะไปไหน หรือใครจะไปไหน ผมดูกิเลสของผมนี่ว่ามันจะไปไหน

    คุณไปนั่งนึกดูดีๆ ว่า คุณมาโมโห โกรธา นี่ด้วยเหตุอันใด คุณนิวรณ์
    ด้วยการที่ ผมว่าคุณ ว่าคุณ สอนไม่ตรงนั่นหรือ
    หรือ ด้วยการที่ผมบอกว่า คุณ มีทิฎฐิที่เพี้ยนหรือ
    หรือ ด้วยการที่ผมบอกว่า คุณ ไม่เสถียรนั่นหรือ

    นี่สรุปว่า พูดมาตั้งนานแล้ว คุณยังลืมอะไรไปอีก ว่า ผมไม่ได้สอนคุณ คุณพูดมา ผมก็ชี้แจง แล้วมันเป็นอะไรที่คุณจะต้องตั้งท่า ไม่พอใจ ตลอดเนี่ยกับ ความเห็นของผม คุณเป็นอะไร คุณ นิวรณ์

    ใครไปออกลูกรับ อะไร ผมก็พูดมาตั้งแต่ต้น ว่า การดูจิตนี้ ผมอธิบายมากี่ปีแล้ว


    ก็ ตามแต่จะสบายใจแล้วกัน คุณนิวรณ์

    นี่แหละ หนอที่เขาว่ามนุษย์เราเวลาโดนกิเลส พาไป ก็ไปไม่รุ้เนื้อรู้ตัว
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เป็นเอามาก ผมมาคุยในเว็บไม่ได้คุยกับคุณคนเดียวนะ คุณนิวรณ์

    แล้ว คุณมาว่าผมปาวๆ ผมก็ชี้ให้คุณเห็น หรือว่า จะให้ผมปิดปากเงียบก็ได้

    แล้วคุณด่ามาเรื่อยๆ แบบนั้น พอด่าเสร็จแล้วก็ลบข้อความของตนทิ้ง แบบนั้นถ้าสบายใจก็ทำไป
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อืม ประหลาดหนักหละคราวนี้

    ตกลง คุณจะสรุปว่า ให้มาดูปัจจับุนใช่ไหม ส่วนเรื่ออดีตที่คุณตั้งข้อหาผิดพลาด
    เป็นคนเริ่มชี้ว่าผมปฏิบัติผิดโดยการ ดูเฉยๆ เป็นอันลืม กลืนน้ำลายไปแล้วก้ถือ
    ว่าจบกัน ซึ่งก็ชี้ ณ ปัจจุบันแล้วว่า ผมปฏิบัติทางเดียวหรือเปล่า คำถามที่ผมถาม
    คุณคิดว่าผมคาดหวังในคำตอบจากคุณเหรอ มันเป็นการบอกเรื่องการปฏิบัติที่
    มีหลากหลายต่างหากเล่า

    ก็ท่าเก่งเรื่อง ทวนเหตุปัจจัย ก็แล้วทำไมไม่ทวนหละ ในเมื่อเห็นว่าผมแสดงกิเลส
    น่าเกลียด ก็ทวนไปสิครับว่า มันมีเหตุปัจจัยมาจากอะไร แล้วเหตุนั้น มันจบหรือยัง

    แล้วช่วยกลับไปดูกระทู้ #608 กระทู้เริ่มวันใหม่ ช่วยไปดูหน่อยว่า อ้างชื่อใครในนั้น

    แล้วช่วยครุ่นคิดหน่อยว่า เหตุปัจจัยที่ตัวเองพูดว่า ฉันพูดกว้าง ไม่ได้กล่าวหาผม ไม่
    ได้สอนผมหนะ มันจริงเท็จแค่ไหน

    แล้วตกลง ผมดูเฉยๆ หรือ ปฏิบัติยึดอยู่ทางเดียวหรือเปล่า ตกลงผมติดวิปัสสนูกิเลสไหม
    แล้วผมไม่ทำสมาธิไหม

    ช่วยสรุปให้หน่อยว่า ที่ผมชี้แจงไปทั้งหมด คุณเข้าใจอย่างไรบ้าง อย่า
    เอาการ ดิ้นรนถามไถ่ตรงนี้ เป็นอาการกิเลสที่ผมแสดงในปัจจุบันอีกหละ

    ช่วยๆ ทำให้เหตุปัจจัยที่คุณเป็นคนเริ่มแบบผิดๆ ให้มันจบๆ ไป ก็สิ้นเรื่อง

    แล้วช่วยเปิดตาดูด้วยว่า ผมหวงเกีรยติผมจริงหรือเปล่า นอกกระทู้นี้
    ผมเคยพาดพิง กล่าวธรรมมาพาดพิงประเด็นที่ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า
    ผมเคยแสดงอาการคำพูด คำสอน ในกระทู้อื่นๆ ห้องอื่นๆ ที่พาดพิง
    เรื่องเหล่านี้บ้างหรือเปล่า

    แล้วถ้าจะเก็บบารมีอย่างที่อ้าง ก็ช่วยๆ ไปตอบห้องอื่นบ้าง ห้องอภิญญา
    ห้อง กฏแห่งกรรม มีคนใหม่ๆ มาเยอะแยะ ช่วยไปแนะเขาบ้าง

    * * * *

    คำว่า ดูจิต ผมก็เห็น ว่าคุณพูด แล้วก็เห็น และจำได้ดีว่า คุณพูดว่า มันไม่ได้
    อะไร ดูเฉยๆ แล้วคุณว่าคุณไม่ได้อะไร ต้องทำ ต้องทวน แต่พอคุณวิมุตติ
    จะเข้าใจว่า ต้องทำ ต้องทวน กลับบอกว่า ดูวิญญาณขันธ์เฉยๆ อ่านเฉยๆอย่าสรุป

    สรุปก็คือ ว่า ดูเฉยๆ ที่คุณทำ กับ ที่คุณกำลังแนะนำคุณวิมุตติ มันคนละตัวกัน

    ดังนั้น ดูเฉยๆ ที่คุณทำสมัยก่อนแล้วไม่ได้อะไร อันนั้น คือ ผิดในแบบของคุณ

    แต่ การดูเฉยๆ ที่พึ่งแนะนำคุณวิมุตติไปนี่ ซึ่งไม่ต้องทวน ไม่ต้องควานหาอะไร
    อย่าไปสรุปหาคำตอบอะไรในขณะที่ดูวิญญาณ ให้ดูเฉยๆ แบบนี้ถูก ...........
    ..................................................................................
    .................................................


    เอาเป็นว่าจบดีกว่า ต่อไปคุณก็แนะนำอะไรของคุณไปละกัน

    * * * * *

    แล้วเรื่อง ลบ ข้อความ ผมก็เป็นของผมมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่แรกรู้จักคุณก็ยังทักผมเลยว่า
    ลบทำไม ซึ่งนั่นความคิดเก่าๆ คุณเคยทักผมไว้นานนม ป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจกัน เห็นเป็นกิเลส
    อีก(คุณว่าผมตั้งแต่สมัยนู้น) นี่ถ้าคบกันจริง ใน message ห้องส่วนตัว ผมก็ลบของผมหมด แล้วลบ
    ของคนอื่นที่ผมมีสิทธิลบด้วย ถามว่า ทำเพื่ออะไร ก็แล้วแต่อารมณ์ แต่ตัวหนึ่งหละ
    ที่พึงหวังคือ ความลดลงของข้อมูล หรือ โหลด หรือ โหนด ใน database เล็กๆ น้อยๆ
    ก็ยังดี เพราะส่วนใหญ่ข้อความของผมมันยาว และมักเป็นเรื่องเฉพาะเวลานั้นๆ ดังนั้นการลบ
    ผมก็จะทำ เพราะเป็นนิสันส่วนหนึ่งของผู้ดูแลระบบคอมฯ ว่างเมื่อไหร่ก็ทำ

    ไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดู หลายๆ ไอดี ผมปิดระบบรับ message ไปเลย เพราะเล็งเห็นว่า
    message ส่วนใหญ่ในห้องส่วนตัว มันมักเลอะเทอะ ไร้สาระ มีแต่รูป ซึ่งก็เป็นเรื่องของ
    คนอื่นที่เขาชอบ แต่เราเห็นว่า มันเปลือง โหนด หนึ่ง record ใน database ไมได้
    แปลว่ามันกินพื้นที่เท่าจำนวนอักษร มันอาจจะกินเป็น block เสียเนื้อที่อันมีค่าเสียเปล่า
    ( ในสายตาพวกคอมฯ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2009
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ธรรมภูติ 2 นั่นแหละกรรมที่เคยเรียกผมว่า ธรรมภูติ 2

    :)
     
  19. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    มีคนคอยขนาบเรียกว่ามีมิตรแท้
    มิตรที่เอาแต่ยกยอปอปั้นคือผู้หยิบยื่นยาพิษ หาใช่มิตรไม่
    เรามักจะชอบเวลาที่ได้รับคำยกยอ
    ทั้งๆ ที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
    แต่เรามักจะทนไม่ได้กับการที่มีคนมาคอยสะกิดเตือนให้เรารู้ตัว
    ทั้งๆ ที่ประโยชน์มีอยู่ในคำเตือนจากมิตรเท่านั้น
    คำโบราณ "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" เหมือนตื้นๆ แต่ลึกซึ้งยิ่งนัก

    กิเลสมันฉลาดล้ำลึก
    มันคอยพลิกแปรเปลี่ยนทำให้เรางุนงงและทำให้เราคอยหาเหตุผลหาทางออกให้กับกิเลสอยู่เสมอ
    แม้จะรู้ตัวเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นมา แต่ในบางกรณีมันหยุดการพลิกแพลงของกิเลสไม่ได้
    มันคอยหาเหตุผลฉลาดๆ แบบว่า
    "มนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้กันทุกคนนั่นแหล่ะ มันเป็นธรรมชาติ อย่าไปฝืนมันเลย"
    "ครั้งนี้แค่ครั้งเดียว เป็นครั้งสุดท้ายเพราะเราเห็นมันแล้ว ครั้งหน้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน"
    "ไม่เป็นไรน่า เรารู้ตัวอยู่ ทำอย่างมีสติ มันไม่สะสมเป็นอาสวะหรอก"
    และเหตุผลฉลาดๆ อื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำให้เราต้องยอมจำนนต่อมัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อีกนาน
    กิเลสมันเปรียบเหมือนสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธจักร
    เรามุ่งมั่นฝึกฝีมือจนหมดสิ้นทุกกระบวนท่า รวมทั้งกระบวนท่าที่ว่าจะเป็นไม้ตายไปปราบมันได้
    พอเจอหน้ายอดฝีมืออันดับหนึ่ง เราชักกระบี่เตรียมพร้อม พร้อมรอยยิ้มอย่างเชื่อมั่น
    ฟันออกไปสามสี่กระบวนท่าไม้ตายอย่างมั่นใจ
    กิเลสมันยังไม่ทันเปิดตาด้วยซ้ำ แค่พลิกฝ่ามือเพียงนิดเดียว เราก็ลงไปนอนราบกับพื้นต่อหน้ามันแล้ว
    ก็ต้องหาทางสู้กับมันต่อไป ไม่ประมาท
    อาศัยดูเอาจากแถวนี้ ใครมีกลเม็ดอะไรเราก็ลองเอาไปทดลองดู
    อย่าปิดประตู ปิดใจ ไม่รับไมตรีจากมิตรครับ :)
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้าว ไปเหมือนคุณธรรมภูติได้ไงหละครับ

    คุณธรรมภูติ เขาแค่ถกธรรมด้วยข้อธรรมไปมา

    ส่วนผมนั้น ถกธรรมด้วยลีลา อุบาย หรือ กิเลส ไม่ใช่เหรอในสายตาคุณ

    คุณธรรมภูติติดวิปัสสนูกิเลสเหมือนที่คุณเห็นผมติดด้วยเหรอครับ

    ................กลุ้ม !

    เขาว่าเหมือนก็เหมือนละกัน .....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...