เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

สาธุคับ ต่อคับ....ผมขอทั้งหมดนะคับ

 

เหลือธาตุรู้ และกรรม ที่ธาตุรู้นั้นยังยึดไว้ และยังละวางไม่ได้ ไงล่ะท่าน

 

ตราบใดที่ ธาตุรู้ นั้นยังถูก กิเลสตัณหา ครอบงำได้
ธาตุรู้นั้น ก็ยังถูกยึดไว้ ด้วยกรรมนั้น

แม้เพียงเศษเสี้ยวของวินาที ก็ตาม
เคยมีแม้เสี้ยวเวลาไหมคุณจร ที่ขาดสติโดนกิเลสมันครอบงำ จูงไปทำกรรม

 

คุณจร เห็นความอยากของตนเอง ไหม

 

สาธุ..ผมตามอ่านอยู่จบแล้วบอกนะคับ..คุณ.khajonsak9999

 

คุณ k.kwan ตามคิวคับ อิอิ... ให้คุณkhajonsak9999ตอบผมจบก่อนนะคับ เพราะคงยาวนิดนึ่ง อิอิอิ

 

สันโดษ โกอินเตอร์ เเล้วววววคะ..เยเย้

นะเอย นะเอย


http://www.youtube.com/user/miajoytirasarichot

 

แนะนำให้น้าจรเป็นผู้กำหนดมาตรวัดอัตตาขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกเลย
กำหนดลงไปเลยว่าตรงใดเรียกว่าอัตตามีค่าเป็นศูนย์
กำหนดหน่วยมันออกมาด้วย จะได้ใช้กันทั่วโลก
ไม่อย่างนั้นน้าจรไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่มันจะเป็นศูนย์
มาตรวัดดังกล่าวไม่ต้องมีค่าลบเหมือนเทอร์โมมิเตอร์หรอก
เพราะมันหมดลงไปแค่ค่าศูยย์ก็หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
เอามาขายในนี้น่าจะขายดีนะ

 

.. สาธุคับ<label for="rb_iconid_31"></label>
ตอบไม่หมดคำถาม..นะคับ จากสถาวะที่ตอบมาได้แค่ พระโสดาเองนะคับ
(อันนี้เดาเอานะคับ)..แต่คุณบอกไม่กลับมาเกิดอีกแล้วไม่ไช่เหรอคับ...
ถึงที่สุดของทั้งหมด แล้วไม่ใช่หรือคับ..
แล้วลำดับที่เหลือละคับ...อาการของจิตดำเนินอย่างไรต่อไปคับ...
หรือหมดแล้วจริงๆ ...ก็ไม่ว่ากันนะคับ<label for="rb_iconid_15"></label>

 

หมดกัน กระทู้ดีๆที่ผมสร้างสรรค์ขึ้นมากับเพื่อนๆ จบลงเพราะขจร
เอาน้ำ เอาอะไรมาละเลง จนไม่มีสาระแล้ว

พูดเป็น คนพร่ำเพ้อถึงนิพพานไป แทนที่จะเดินไป

 

น้าจรปฏิบัติเมื่อไหร่

 

สาธุ...อนุโมทนาด้วยคับ...แล้วธรรมชาติเขาจะทดสอบคุณต่อเอง...

แต่ระวังนะคับ "กรรม" เขาเที่ยงตรงเสมอ...การที่ไปแนะนำคนอื่นให้ได้สภาวะของตัวเอง...แล้วไปบอกเขาให้วางธรรม หยุดการปฏิบัติทั้งปวง ปล่อยจิตให้ตกอยู่ในความ "ว่าง" แล้วไปทักเขาว่า "ถึงแล้ว" เมื่อกรรมส่งผล ตอนนั้นคุณคงไม่มีโอกาสแก้ตัวใดๆได้อีก ... พิจารณาเอาเถิดคับ..ว่าถึงแล้วจริงเหรอ...

แต่ก็อนุโมทนาในธรรมทานที่นำมากล่าวนะคับ ..ขอบคุณที่เมตตาผม สาธุ<label for="rb_iconid_31"></label>

 

ใครไปจุดธูปเรียก มาเนี่ย
ผมว่า คราวหลังอย่าไปเอ่ยชื่อนี่นะ อาถรรพ์

เอาหละ ผมสรุปให้ ขจร
ขจร ผมว่า ขจรมีทัสนะที่ดีนะ แต่ทัสนะกับปฏิบัติ มันก็ยังห่างไกลกัน

ต้อง ปฏิบัติลดละกิเลส ส่วน ปลายทางพูดให้น้อยลง เพราะส่วนของปลายทางนั้น
เมื่อเห็นแล้ว การจะไปถึงก็ต้องเดินไป ไม่เช่นนั้น มันจะเหมือนกับว่า เราอยู่ต้นทาง พูดไปถึงเรื่องปลายทาง ก็เลยหยุดเดินซะ ใครไปใครมาถามว่า นิพพานอยู่ตรงไหน

ขจรบอกว่า มันเป็นแบบนั้นแบบนั้น ผมเห็นมาแล้ว แต่ถามว่าไปยังไง ขจรตอบไม่ได้แล้วบอกว่า เชื่อสิ ผมเห็นมาแล้ว คนเขาก็เอือมระอา เพราะถามทางว่าไปอย่างไรกี่ทีขจรก็ยังตอบว่า เห็นมาแล้วเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเห็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้

ต้องบอกทางไป ชี้ทางไป ดังคนเคยไป คือ เมื่อเดินไปถึงแยกนั้นแยกนี้แล้วเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แล้วจะเจอแบบนั้นแบบนี้ แล้วเดินไป หรือ นั่งรถไปอย่างไร บอกแบบนี้จึงเรียกว่า คนเคยไป บอกทางได้

 

......

 

กรรม พยากรณ์ เท่านั้น เป็นของจริงแท้ เป็นสัจจธรรม

 

ลำดับของการเข้าถึงที่สุดแห่งโลกุตระจิต..
1. พระอริยะเจ้าชั้นต้น คือพระโสดาบัน
2. พระสกิทาคามี เมื่อ ทำ สังโยชน์ ข้อ4และ5คือ กามราคะ และพยาบาท ให้เบาบาง
3.พระอนาคามี คือ ละกามราคะได้หมด ละทิฏฐิมานะ ได้นิพพิทาญาณ
4. พระอรหันต์เจ้า ผู้ตัดซึ่งวัฏฏะได้สิ้น จึงถือว่า จบกิจ เป็นผู้ไม่กลับเกิดอย่างแท้จริง
....
นี่จึงบอกว่าคุณบอกไม่หมดไงคับ...แล้วยิ่งพิจารณาตามสังโยชน์10..
...ก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่...
ผมบอกได้ว่า... ของคุณยังไม่ใช่...ยังไม่จบจริง.. ไม่ต้องถามเหตุผล...
ไม่มีคำอธิบายต่อ
เป็นแค่จิตสัมผัสของผม...ผิดหรือถูก..ผมก็ไม่รู้ตอบอะไรต่อไม่ได้ทั้งนั้นคับ

 

กลับมาสู่ความเป็นจริงได้แล้วน้าจร

 

พูดดีมากก็ ดีแล้วนี่ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับพระไตรภพ
เอาเรื่องของคุณก่อน ขจร ยอมรับในสิ่งที่ผมสรุปให้หรือเปล่าหละ

ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ก็ไม่มีอะไรจะบอก และ ถ้าจะมาโม้เรื่องไป ที่นั่นที่นี่มาแล้วก็
อย่าพิมพ์แบบขยะ ผมเสียดายเนื้อที่กระทู้

 

คับผมรู้ดีไงคับ..ผมถึงไม่ได้ขวาง..ใครว่าจบก็จบ..ใครว่าถึงก็ถึง
ผมไม่ตามเซ้าซี้จี้บอกเขาหลอกคับ ว่าถึงจริงหรือไม่จริง.. บอกครั้งเดียวคับเชื่อ
ก็เชื่อไม่ว่ากัน เพราะจะเป็นไปตามที่ผมอธิฐานจิตไว้ว่า"ว่าไม่มีบุพกรรมรวมกับ
ผมก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจที่ผมพูด"..ดั่งนั้นผมจึงไม่โกรธใครเลยว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจในตัวผม...อิอิ

เพราะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ผมสิคับยืนยันตัวเองได้ว่า..กำลังเดินทางอยู่ กิเลสที่ว่า รัก โลภ โกรธ หลงมีครบคับอิอิ...แค่ผมเดินทางที่เห็นทางของตัวเองแล้วเท่านั้นเอง...