เรียนรู้ความเป็นกลาง

เราไม่ได้พูดว่าเราหมดกิเลส เพียงแต่เรารู้จักการทำงานของกิเลสแล้วอย่างแท้จริง และรู้หนทางที่จะจัดการกับมันอย่างไรแล้ว ก็เท่านั้ันเอง แค่ต้องการชี้ให้เห็นว่า คนที่เขาทำได้จริง ๆ นั้นมีอยู่ การสำรวมจิตนั้นจะมีได้เองโดยอัตโนมัติ บอกแล้วว่าไม่ได้พูดมั่ว ถ้ายังไม่รู้จักว่า กิเลสเขาทำงานกันเป็นกระบวนการยังไงก็อย่าเพิ่งเชื่อว่า ตนเองมีสัมมาทิฏฐิแล้วอย่างแท้จริง ยังหลงทางได้ นี่ผมแค่ขอคนยืนยันเพียงท่านเดียว จริง ๆ ในรุ่น ๆ นี้ยังมีอีกเป็น 10 ครับ ที่เขาทำได้จริง เฉพาะที่ผมรู้จักมานะ และตรงกับที่ครูบาอาจารย์ทั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้กล่าวไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เราจะไปซี้ซั้วต่าไม่ได้ครับ ขออภัยที่ทำให้เสียเวลา จริง ๆ ไม่อยากพูดมากนะ คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นทำให้ได้เถอะ อย่างที่ผมบอก อย่าถามเยอะ ถามเยอะสัญญามันเยอะ ผลเสียมากกว่าผลดี เพราะมันไปติดคิดหมดเลย

 

ท่านทีฯครับ ยังไม่รู้จักโลกอีกหรือครับ โลกคือหมู่สัตว์ผู้ติดข้องในอารมณ์
ใครกันแน่ครับที่ ไม่อยู่กับความจริง แถมยังชอบจินตนา และหลงกับความคิด

จินตนาการไปได้ว่า มีแต่สภาวะ แต่สิ่งลองรับสภาวะไม่มี
แบบนี้ไม่เรียกว่าจินตนาการแบบสุดยอด ไม่อยู่กับความจริง(หลอกตัวเอง)ใช่มั้ย

;aa24

 

ท่านทีฯครับ ผมได้พูดไปแล้วนะครับว่า ท่านชอบตอบแบบเล่นลิ้น
หาประโยชน์ไม่ได้หรอกครับ ใครกันแน่ครับที่ตีโจทย์ไม่แตกครับ
ท่นพูดเองแล้วยังชอบแกล้งลืมอีกต่างหาก ใครที่พูดว่า ความเป็นกลางคือ ไม่มีอคติ (ลำเอียง) ไปข้างใดข้างหนึ่ง อคติ ๔ คือ ความลำเอียงเพราะ รัก ชัง หลง กลัว

ผมถึงได้ถามไปท่านไปว่า ปัจจุบันธรรมนั้นตั้งอยู่ที่ไหน?...
นั่นแหละความเป็นกลางที่แท้จริง อคติ๔ครอบงำไม่ได้หรอกครับ
และไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ เมื่อรู้จักปัจจุบันธรรม

ท่านตีโจทย์แตกเอง แต่กลับโยนความเห็นผิดให้กับผู้อื่น
อย่าใช้วิธีตีขลุม ตอบแบบไม่ตอบเลยครับ ไม่ช่วยให้ดูดีขึ้นครับ

;aa24

 

ท่านทีฯครับ ผมได้พูดไปแล้วนะครับว่า ท่านชอบตอบแบบเล่นลิ้น
หาประโยชน์ไม่ได้หรอกครับ ใครกันแน่ครับที่ตีโจทย์ไม่แตกครับ
ท่นพูดเองแล้วยังชอบแกล้งลืมอีกต่างหาก ใครที่พูดว่า ความเป็นกลางคือ ไม่มีอคติ (ลำเอียง) ไปข้างใดข้างหนึ่ง อคติ ๔ คือ ความลำเอียงเพราะ รัก ชัง หลง กลัว

ผมถึงได้ถามไปท่านไปว่า ปัจจุบันธรรมนั้นตั้งอยู่ที่ไหน?...
นั่นแหละความเป็นกลางที่แท้จริง อคติ๔ครอบงำไม่ได้หรอกครับ
และไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ เมื่อรู้จักปัจจุบันธรรม

ท่านตีโจทย์แตกเอง แต่กลับโยนความเห็นผิดให้กับผู้อื่น
อย่าใช้วิธีตีขลุม ตอบแบบไม่ตอบเลยครับ ไม่ช่วยให้ดูดีขึ้นครับ

;aa24

 

ท่านทีฯ ไม่ต้องมากมารยาทหรอกครับ
ผมสนใจแต่ตามจริง เรื่องจริง มีจริง เข้าถึงได้จริง
ไม่ชอบอยู่กับการหลอกตัวเองไปวันๆอันหาประโยชน์ไม่ได้

ท่านเคยมีเสียงภาวนาเกิดขึ้นเองมั้ย ถึงมากล่าวหาว่า "รู้จักฟังผู้อื่นด้วย"
ท่านเองเคยฟังคนอื่นบ้างมั้ย ผมตั้งแต่เห็นมาท่านไม่เคยฟังคนอื่นเลย

ถ้าท่านฟังเสียงคนอื่นบ้าง ท่านต้องตอบคำถามที่ถูกถามไปแล้ว
ถ้าผมไม่ฟังคนอื่น ผมจะมีคำถามที่ตรงประเด็นธรรมเหรอ
หยุดหลงความคิดได้แล้วครับ

ที่ผมถามไปก็เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางธรรม
ท่านเองต่างหากที่ทำให้เป็นข้อขัดแย้ง แล้วจะโยนบาปให้ผู้อื่นอีกหรือ

;aa24

 

[ คุยกะ TBoon และ พี่ ณุ ]

ตราบใดที่ยังไม่ข้าม ก็ยังลังเลได้เสมอ ดีไม่ดี ลืมหมด

พระท่านว่า หากวันใดลืมหมด อย่าไปกลัว หรือ ตกใจ ให้ดูไป
เลยว่า หายไปนานไหม กว่าจะกลับมาอย่างเดิมได้ แล้วให้
รู้ไปว่า เป็นเพราะ มันยังรู้ทุกขไม่พอ

เว้นแต่ ตอนที่ไปคุยกับพระท่านนั้น จิตมีบางขณะไปเผลอรับเข้ามา
ปราบปลื้มกำซาบ....อันนั้น ตัวใครตัวมัน ..คงต้องท่องไปดุจนอแรด

ลองไปอ่านกระทู้นี้ดู แล้วเกิดความรู้สึกใดก็ระลึกรู้ดูเอา ธรรมบทนี้ไม่ใช่ของคนธรรมดา

http://palungjit.org/threads/จิตนี้เป็นพุทธะไม่มีความแตกต่างระหว่างพุทธะกับสัตว์โลกทั้งหลาย.190658/

 

ท่านทีฯครับ ผมว่าเลิกเดาสวดมาเข้าหาความจริงดีกว่านะครับ
ท่านเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ถึงค่อยมากล่าวหาผู้อื่นว่า มองโลกในแง่ร้าย

ท่านเองยังคลายปมด้อยและจุดอ่อนของตัวเองยังไม่ได้
จึงได้มีอคติคิดว่า ผู้อื่นเป็นเช่นท่าน ผิดแล้วครับ

ผมมองโลกเป็นเพียงที่อาศัยของตนเท่านั้น และก็ไม่ชอบคิดแทนใคร
ที่พูดไปก็ตามเนื้อผ้าเท่านั้น ทุกวันนี้คนลวงโลก หลงโลก แต่สร้างภาพมีมาก

คำถามที่ผมถามก็เป็นเครื่องวัด สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งนั้น
ผมเน้นเสมอว่า ธรรมถกกัน ความสัมพันธ์ต้องไม่ขาดหาย

ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ห่วงตัวเองดีกว่า ทุกวันนี้ดีแบบสม่ำเสมออยู่แล้วครับ

;aa24

 

ขอคุยด้วยคนนะครับ ^-^

 

หลอกตัวเอง หรือสับขาหลอก ระวังนะกิเลสมันไว อย่าประมาทล่ะครับ ^-^

 

^-^

อ้าว ไหนว่าไม่เกี่ยว

 

ท่านทีฯครับ ท่ายกตัวท่านเองซะเลิศหรูเลยนะครับ
สภาวะที่ท่านพูดหนะเกิดจากควมคิดที่ตกผลึกเท่านั้น
ท่านเคยฝึกสมาธิภาวนากระทั่งจิตรวมใหญ่มาหรือยัง

ผมถึงว่า ไม่ตอบแต่ใช้วิธียกตนข่มท่าน
จิตที่ว่างจากกิเลสเพราะสิ้นการปรุงแต่ง ถ้าไม่มีปัญญา
ก็ไม่ต้องไปฝึกฝนอะไรอีกแล้วเพื่อหาความพ้นทุกข์

พระพุทธพจน์ "จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหา"
ท่านเก่งจริงๆเลยนะครับ แม้แต่มีพุทธพจน์รองรับ ท่านก็ยังกล้าเดาสวดอีกเหรอ

ท่านไม่ต้องช่วยอะไรผมหรอกครับ
ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน
คนอื่นไหนเหล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ผู้ที่มีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งอันประเสริฐ


;aa24

 

ความจำกับตวามจริง
สะกดคนละคำ มีคนละความหมาย

 

ท่านเองควบคุมเขาได้แล้วใช่มั้ย ใครควบคุมใครครับ
ผมช่างแ...ม่งเถอะแล้วครับ....กับคนที่ดีแต่พูด พูดเอาแต่ได้ ไม่เคยฟังใคร
ไม่เคยคิดจะให้คำตอบแก่ใครเลย....ดีแต่อบรมในส่วนที่อยากให้คนชื่นชมเท่านั้น

;aa24

 

ท่านทีฯ ท่านก็ยังไม่พ้นติดอยู่ดี "คือติดดีในดี"
แบบนี้เหรอครับที่เรียกว่าเปิดใจ อย่าคิดเองสิครับ
ถ้าเปิดใจจริงๆ ไม่ติดดีของตัวเองหรอกครับ

ที่ท่านเคยติดว่างก็ว่างไม่จริง เป็นความว่างเพราะคุ้นชินจนจิตกระด้างต่ออารมณ์ต่างหาก
หลงคิดว่าตัวเองวางเฉย แต่พอเจาะเปลือกออกมาก็ยังติดความคุ้นชินกับคิดดีอีก
แล้วเมื่อไหร่หละครับถึงจะหลุดออกมา รู้จักปัจจุบันธรรมที่แท้จริง
ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดเองเออเอง ต้องปัจจุบันธรรมจริงๆเท่านั้น

ช่างแ...ม่งเถอะครับ...ไม่เปิดใจให้กว้างก็ตามใจ

;aa24

 

ท่านทีฯครับ ถ้ารักจะปฏิบัติ เอามรรคผลจริงๆ
ควรเดินตามรอยพระบาทของจอมศาสดา
ไมใช่เดินตามรอยพุทธบุตรที่ขานนาคเข้ามาสืบต่อพุทธศาสนา

โดยทำตัวเก่งเกินจอมศาสดา ไม่ย่อมฟังแม้แต่ คนที่เมตตา
เพื่อไม่ให้หลงติดคิดว่าที่ตัวเองรู้นะดีที่สุดแล้ว(ติดดีในดี)
โดยไม่เคยเทียบเคียงกับพุทธพจน์ โดยไม่เห็นอยู่ในสายตา

ช่างแ...ม่งเถอะครับ หัดวาง ๆ ปลง ๆ ซะบ้างก็ดีนะ

;aa24

 

ไปละ มีเวลามาใหม่
หมดเวลา เวลาหมด

 

ช่างแ...ม่งเถอะ...

 

คุณ tboon ผมว่า ผมยังไม่ได้ถามอะไรคุณเลยจริงๆ นะครับ มีแต่คุณ สอนผมท่าเดียว

ผมเองก็น้อมรับมาพิจารณาอยู่ ไม่ได้ติดคิดหรอกครับ วางใจได้

สำหรับ คนอื่นๆ ไม่ต้องแย่งกัน ไปกดบัตรคิวก่อน

 

ไม่ใช่พี่ฟลุ๊คแล้ว มาlook ใหม่ เป็นพี่บี้ ไปสะแล้ว

หมายเลข 5 เชิญ ช่อง 3 ค่ะ ให้ไว นะคะ คนอะไรไม่รู้ ทำอะไรก็น่ารักไปหมด

 

มารอชมอนุสัยท่านขันธ์ ^-^