เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

............................................

 

ประสบการณ์พระธุดงค์กับพญานาค
ตามคำบอกเล่าของ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม กล่าวว่า ทางฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ "นาคาธิบดี" แยกปกครองดูแล ดังนี้
ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร
ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคหนึ่งเศียร

.
.
.
.
.
หลวงปู่คำพันธ์ยังได้กล่าวอีกว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมีพิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง (หลวงปู่คำพันธ์ได้มรณภาพไปแล้ว เมื่อปี 2546)

อันนี้คือพิธีบนแพโบสถ์น้ำในปี เสาร์ ๕ ปี ๒๕๔๑ มีพญานาค สองตนมาปรากฏกายใน ข่ายของผู้มีกำลังสมาธิและเด็ก พญานาคมี สองตนครับ

หลวงปู่พระครูบุญศรี เป็นผู้บวงสรวง เชิญ พระุทธ พระธรรม พระส
งฆ์ ครูบาอุปัฌาย์อาจารย์ และ พรหม เทพ เทวดา และ สิ่งที่มองไม่เห็น หลายอย่างมาช่วยสนับสนุนพระกริ่งนี่ครับ ใครไม่เคยมีของดีๆใช้ ลองดูครับ

 

เรื่องพญานาค นี่เล่าไปแล้วน่ะครับ ต้องขอครูแสงแขย้อนไปดู แต่ท่านหนึ่งที่บอกผมกับปากคือ ท่านเจ้าอาวาส วัด คงคำโคกทม หรือ โคคำโคกทม ที่หลวงปู่อิง จำพรรษาอยู่น่ะครับ ถ้าจำไม่ผิด ท่านชื่อ หลวงพ่อ ดุล หรือ ดุน อนีโค น่ะครับ ผมเจอท่านอีกหลายครั้ง

 

" บันทึกหลังจากวันพิธี "โดย คุณพี เสาวภา ที่หน้า ๑๓๗๙ ค่ะ

quote=พี เสาวภา;4823897

บันทึกหลังจากวันพิธี<O</O

พระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว, และ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ รุ่น ๑ แพโบสถ์น้ำ เป็นรุ่นแรกที่หลวงปู่พระครู บุญศรี เททองที่วัดใหม่ฯ และเต็มใจปลุกเสกเดี่ยวอย่างยาวนานที่สุด นับเวลารวมการปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงปู่บุญศรีเป็นเวลาประมาณปีเศษ ตั้งแต่ทองชนวนแผ่นแรกจนถึงการปลุกเสกบนแพโบสถ์น้ำ ซึ่งเป็นเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่หลวงปู่บุญศรีปลุกเสกบนแพโบสถ์น้ำ ประมาณการปลุกเสกเป็นจำนวนครั้งมากเกินกว่า หนี่งร้อยครั้ง<O</O
<O</O
หลวงปู่ได้กล่าวแก่ศิษย์ว่าการปลุกเสกซ้ำกันหลายหลายครั้งจะดีกว่าการปลุกเสกครั้งเดียว ( ร.ท.สันติได้กราบเรียนถามหลวงปู่ด้วยความเคารพในตอนหลังว่า ตั้งแต่หลวงปู่สร้างพระมาเคย “ ลง ” มากอย่างนี้ไหมครับ หลวงปู่ตอบว่า “ ไม่เคย “ ) ประมาณว่าในการปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงปู่บุญศรีบนแพโบสถ์น้ำ ได้มีลูกศิษย์หลวงปู่ ๔ ท่าน ได้เห็นตรงกันว่ามีพญานาคมาร่วมพิธีจำนวน ๒ ตน ขณะที่หลวงปู่กำลังอธิษฐานจิตอยู่ โดย ๑ ตนเลื้อยไปที่ตรงหน้าหลวงปู่ขณะปลุกเสก และอีก ๑ ตน เลื้อยไปที่หน้าเครื่องเซ่นบริเวณท้ายแพ ผู้ที่เห็นเป็นเด็กเล็ก ๑ ท่าน เป็นผู้ใหญ่ ๒ ท่าน และ เป็นพระภิกษุ ๑ ท่าน การเล่าเป็นการเล่าต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งมีข้อความตรงกัน ถ้าผู้ที่ได้เห็นอนุญาต ให้เปิดเผยชื่อได้ โดยเฉพาะพระภิกษุ ทางคณะศิษย์ก็จะนำมาบันทึกไว้เป็นหลักฐานต่อไป

หลังพิธีผมบันทึกไว้แค่นี้ที่เป็นตัวสีฟ้า ไม่กล้าเล่ามากเดี๋ยวเขาว่าโม้...แหะๆ และเดี๋ยวหลวงปู่จะเหนื่อยรับแขกใน พ.ศ.นั้น เรื่องพญานาคนี่เล่ากันมานาน ใครไม่เชื่อเรื่องพญานาคก็ไม่น่าจะเป็นคนพุทธ เพราะมีเล่าไว้ในพระไตรปิฎก เรื่องเล่าคร่าวๆคือ มี พญานาคเขาแปลงกายเข้ามาบวช เพราะเลื่อมใสในพระรัตนตรัย หลังจากบวชแล้วก็แยกไปนอนต่างหากในพระวิหาร อยู่มาก็ไม่มีเรื่องอะไร พระที่อยู่ท่านดูไม่ออก พระที่มีตาในในสมัยพุทธกาลคงไม่ได้มีเยอะมาก พญานาคตนนี้ก็ปฏิบัติกิจสมณะไปตามปกติ

แต่พอจะนอนต้องแยกไปนอน สาเหตุ เพราะพอหลับแล้วสติมันจะหลุด สมาธิก็จะเคลื่อน มนต์ก็จะคลาย พอหลับ พระภิกษุพญานาคนี้ ไม่ทราบจะเรียกเป็นพระได้หรือไม่ ก็กลายร่างมาเป็นงูใหญ่ ที่นี้มีพระอีกองค์เข้ามาในพระวิหาร มาเจองูตัวใหญ่นอนอยู่ ก็ตกใจแทบช็อค ร้องเอะอะ วิ่งออกมา เรื่องเลยแตก ก็ถูกสอบสวนและให้สึก เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉานห้ามบวช ( สัตว์ที่มีลำตัวขนานไปกับพื้น บวชไม่ได้ ) พญานาคตนนี้ก็ร้องไห้ และ ลาจากไป

เรียกว่าพญานาคมีมาแต่พุทธกาล มีบันทึกไว้ ครูบาอาจารย์เก่งๆ เจอมาทุกองค์ ยิ่งใกล้แม่น้ำโขง มีเรื่องราวแบบนี้เพียบ

ในแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีครับ แต่คนไม่ค่อยเจอ อาจจะประชาชนคนเยอะมากกว่าแม่โขง พญานาคท่านเลยอายๆ ไม่ค่อยปรากฎตัว

เรื่องการปลุกเสกนี้มาเล่า เรื่องเด็กต่อ เพราะคนนี้อยู่ในพิธี อย่างที่บอก คนลงไปเต็มแพ น่าจะหลายสิบคน ให้ผมประมาณ น่าจะ ห้าสิบคน อาจจะใกล้ร้อยขึ้นไป เเละแพแข็งแรงมาก เพราะพวกผมทำกันเอง ทำฟรี ของฟรีดีเสมอ คนจำนวนมากนี้เรียกว่ามีพยานเพียบ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่แปลก ลูกศิษย์หลวงปู่เขาจะไม่ปรากฎตัว จะซุ่มๆ ทั้งที่กลุ่มลุกศิษย์หลวงปู่ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีกำลัง มีความรู้ แต่ไม่ปรากฎกายกัน มีชัดๆเจออยู่คนเดียวคือ ป้าอี๊ด ที่ดูแลสำนักต่อจากคุณแม่ประทุม เลยเป็นผู้สืบทอดหลวงปู่บุญศรีอีกสำนักไปโดยปริยาย ต่อมาก็ไม่เห็นใครออกมา ผมหลังจากซุ่มอยู่ สิบกว่าปี มีแต่คนต่อว่า ว่าไม่เล่าเรื่องหลวงปู่ซะที ผมไปบวชล้างไพ่หลายเดือน ตั้งใจไว้ว่าหลังบวชนี่จะเล่าล่ะ ...แหะๆ ใครอยากอ่านก็อ่านน่ะครับ ใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไป เอาว่าผมเชื่อของผมคนเดียว ใครไม่เชื่อก็ช่างเขา

ในขณะที่ปลุกเสก มีเหตุการณ์ชัดเจนสองอย่างนอกจากความเงียบคือ

๑) เสียงเคาะถัง อย่างดัง ได้ยินทุกคนที่นั่งอยู่ในพิธี เพียงแต่สงสัยว่าเสียงอะไร ใครมาเคาะ ถังนี้อยู่ใต้น้ำ เป็นถังน้ำมันใต้ดินขนาดใหญ่ที่บริษัทท่านจำหน่ายแล้ว เอามาต่อเป็นแพตามรูป ใครจะเล่นตลกต้องดำน้ำไปเคาะ และเเรงต้องมาก มี เหล็กท่อนใหญ่ๆไปเคาะด้วย เพราะถัง ทาสีหนา ทั้งนอกและใน และต้องดำน้ำอึดมาก มาไม่ให้ใครเห็น เคาะเสร็จแล้วก็ดำไป ต้องใช้เวลาหลายนาที ที่ดำมา และ ดำไป ไม่ไห้ใครเห็น น่าจะเป็นสิบๆนาทีขึ้นไป เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ตัดไปได้ รับประกันว่า มุขนี้ไม่มีใครคิดมาโปรโมทพระชุดนี้แน่นอน



เปิดดูไฟล์ 1545131 เปิดดูไฟล์ 1545130

ให้ดูรูปถังเหล็กก่อนศร้างศาลา และ ศาลาตอนที่ปลุกเสก แพฯยังไม่มีข้างฝาแบบในรูป

ประเด็นที่เป็นไปได้ คือต้องมีตัวอะไร ตัวใหญ่มาเคาะถัง ส่วนจะเป็นตัวอะไร ตัวขนาดไหน จะเคาะด้วยอะไร อวัยวะส่วนไหน ก็คาดเดาเอากันเองน่ะครับ

๒) มาที่เด็กคนต้นเรื่อง ขณะที่ปลุกเสกไปสักพัก ก็มีเสียงเด็ก ร้องว่า " แม่ ๆ สิงหไกรภพ ๆ " ไม่ดังมาก แต่พอได้ยินเพราะความเงียบ พร้อมกับเด็กชี้มือไปที่น้ำ ( ที่เด็กเห็นหลังจากมาถามไถ่กัน เพราะตอนนั้น แม่บอกให้เงียบๆก่อน เพราะอยู่ในขณะที่หลวงปู่เสกพระ คืองูตัวใหญ่กำลังว่ายน้ำ และเลื้อยขึ้นไปชะโงกดูบนฝั่ง หรือ คือพญานาคอีกตัว ที่ไปดูพระประธานอีกองค์ ) ใน พ.ศ. นั้น มีภาพยนต์โทรทัศน์ เรื่องจักรๆวงศ์ๆ เรื่องหนึ่งกำลังดังมาก คือ เรื่อง สิงหไกรภพ โดยมีตัวนำแสดงเป็นเด็กหน้าตาน่ารักมากที่เดียว เดี๋ยวนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว ในหนังเรื่องนั้นมีพญานาค version รุ่นแรกๆอยู่ด้วยคือ เป็นหุ่น แล้วชักเอาด้วยเอ็นใสๆ บางทีเห็นแว็บๆในหนัง ยังไม่เนียนเท่าไหร่ ขณะนั้นยังไม่มี CG ( Computer Graphic ) มากเหมือนเดี๋ยวนี้ เด็กคนนั้น ซึ่งป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ตอนยังเป็นเด็กเรียกไม่ถูกว่าพญานาค เลยเรียกว่า สิงหไกรภพ แทน


เปิดดูไฟล์ 1545133 เปิดดูไฟล์ 1545132

รูปพญานาค ตามเรื่องในหนัง และ รูปพระเอก สิงหไกรภพ ตอนเด็กๆ น่ารักมากครับ

ตกลงเรื่องนี้ก็เล่ากันมา แต่ดันไปเหมือนอีกสามท่าน ซึ่ง มาเล่ากันต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะหลังจากปลุกเสก ต่างคนก็ต่างไป <O</O[/quote]

 

สาธุ ด้วยบุญบารมีของหลวงพ่อพระกริ่ง-พระชัยฯ บุญบารมีหลวงตาเล็ก

พี่ดีใจกับคุณป้อมและครอบครัวด้วยนะคะ

 

[/QUOTE]

ยังมีแหล่งข่าวอีกสามท่านน่ะครับ อาจารย์ผู้หญิงที่ได้มโนมยิทธิ เฮียโก แหล่งต้นข่าวของผม และ ท่าน หลวงพ่อ ดุน อนีโคครับ ที่เห็นพญานาคในกำลังสมาธิ แล้วเล่าให้ฟังต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ตรงกันเป๊ะๆ ไม่ได้นัดกันมา

เเละเมื่อเรื่องเงียบแล้ว ผมไปกราบเรียนถามหลวงปู่พระครูบุญศรี แบบเงียบๆ สองคน ( ทิ้งระยะไว้ หลายอาทิตย์ ) ไปกราบเรียนถามท่านเรื่องพญานาค ซึ่งปกติท่านจะไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้ ท่านบอกว่า มีจริงครับ

เป็นอันว่าจบข่าว พระกริ่ง พระชัยฯ พะบูชารุ่นนี้ พระประธาน และของที่เข้าร่วมพิธี มีพญานาคมาร่วมงานด้วย สองตน เป็น คู่กันน่ะครับ มาอวยพร และ โมทนารับรู้ ในพุทธคุณ ของพระประธาน และของที่เข้าร่วมพิธีครับ

และ ไม่รวมเทพ เทวดาที่มาร่วม พระสมเด็จองค์ปฐม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ แน่นไปหมด ขนาดพระสิวลี ( นั่งกันตามอาวุโส ) ยังนั่งออกไปไกลลิบๆครับ ส่วนพวก ครูบา อาจารย์ สาย พรหม เทพ เทวดา มากันแน่ ไปถึงขอบ กำลังสมาธิก็ยังไม่หมดครับ พูดตามศัพท์ ของ เสี่ย ท คือ ขอบจักรวาลครับ แน่กันไปหมด มองไปลิบๆๆ เลยครับ เป็นพิธีใหญ่จริงๆ

หลวงปู่พระครูบุญศรี ท่านเชิญมาหมดครับ ไม่เหลือ แม้ เทวดาชั้นต่ำและ สัมภเวสี เชิญมารับกุศลและ โมทนา ใครมีของ ในพิธีนี้ไปไหน พวก เทพ พรหม ชั้นต่ำที่ประจำ จะเปิดทางให้หมด ครับ ก่อนไป บอกหลวงปู่ก่อนน่ะครับ และ เทพ เทวดา ท่านทราบ ท่านจะคอยอารักษ์ และ ส่งต่อๆกันไป เคยเห็น เคยได้ยินอะไรแบบนี้ไหมครับ ไม่เชื่อก็คิดว่าผมโม้ให้ฟังก็แล้วกันครับ

หลังบวงสรวงและ ปลุกเสกเดียว หลวงปู่ท่าน นิมนต์ หลวงพ่อ ดุน อนีโคและ พระ สวด และ พรมน้ำมนต์ครับ ตอนพรมน้ำมนต์ โกลาหลกันหน่อยครับ

 

ยังมีแหล่งข่าวอีกสามท่านน่ะครับ อาจารย์ผู้หญิงที่ได้มโนมยิทธิ เฮียโก แหล่งต้นข่าวของผม และ ท่าน หลวงพ่อ ดุน อนีโคครับ ที่เห็นพญานาคในกำลังสมาธิ แล้วเล่าให้ฟังต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ตรงกันเป๊ะๆ ไม่ได้นัดกันมา

เเละเมื่อเรื่องเงียบแล้ว ผมไปกราบเรียนถามหลวงปู่พระครูบุญศรี แบบเงียบๆ สองคน ( ทิ้งระยะไว้ หลายอาทิตย์ ) ไปกราบเรียนถามท่านเรื่องพญานาค ซึ่งปกติท่านจะไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้ ท่านบอกว่า มีจริงครับ

เป็นอันว่าจบข่าว พระกริ่ง พระชัยฯ พะบูชารุ่นนี้ พระประธาน และของที่เข้าร่วมพิธี มีพญานาคมาร่วมงานด้วย สองตน เป็น คู่กันน่ะครับ มาอวยพร และ โมทนารับรู้ ในพุทธคุณ ของพระประธาน และของที่เข้าร่วมพิธีครับ

และ ไม่รวมเทพ เทวดาที่มาร่วม พระสมเด็จองค์ปฐม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ แน่นไปหมด ขนาดพระสิวลี ( นั่งกันตามอาวุโส ) ยังนั่งออกไปไกลลิบๆครับ ส่วนพวก ครูบา อาจารย์ สาย พรหม เทพ เทวดา มากันแน่ ไปถึงขอบ กำลังสมาธิก็ยังไม่หมดครับ พูดตามศัพท์ ของ เสี่ย ท คือ ขอบจักรวาลครับ แน่กันไปหมด มองไปลิบๆๆ เลยครับ เป็นพิธีใหญ่จริงๆ

หลวงปู่พระครูบุญศรี ท่านเชิญมาหมดครับ ไม่เหลือ แม้ เทวดาชั้นต่ำและ สัมภเวสี เชิญมารับกุศลและ โมทนา ใครมีของ ในพิธีนี้ไปไหน พวก เทพ พรหม ชั้นต่ำที่ประจำ จะเปิดทางให้หมด ครับ ก่อนไป บอกหลวงปู่ก่อนน่ะครับ และ เทพ เทวดา ท่านทราบ ท่านจะคอยอารักษ์ และ ส่งต่อๆกันไป เคยเห็น เคยได้ยินอะไรแบบนี้ไหมครับ ไม่เชื่อก็คิดว่าผมโม้ให้ฟังก็แล้วกันครับ

หลังบวงสรวงและ ปลุกเสกเดียว หลวงปู่ท่าน นิมนต์ หลวงพ่อ ดุน อนีโคและ พระ สวด และ พรมน้ำมนต์ครับ ตอนพรมน้ำมนต์ โกลาหลกันหน่อยครับ[/QUOTE]

พระพิธีนี้สุดยอดมากครับ

 

เจาะลึกรูปพรรณสันฐาน พระกริ่งแพโบสถ์น้ำ โดยคุณพี เสาวภา

ขออนุญาตยกมาจากหน้า ๑๓๘๓ ค่ะ


quote=พี เสาวภา;4838357

พระกริ่งแพโบสถ์น้ำ

มาเจาะลึกกันถึงรูปพรรณสันฐาน ขอบันทึกไว้เพื่อ เป็นหลักฐาน

ผมวัดโดยใช้เวอร์เนียร์ มิทุโตโย้ ไม่ได้ใช้มานาน ซื้อมาตั้งแต่หนุ่ม ร่วมสามสิบกว่าปี ตอนหนุ่มๆตามันดีหน่อย มองช่องแบ่งเห็น แก่แล้วต้องใช้แว่นขยาย ถ้าไม่ลืมวิธีใช้...ก็น่าจะไม่พลาด...แหะๆ ใช้แบ่งเป็นนิ้วก็แล้วกันน่ะครับ

พระกริ่งนี้แม้จะเป็นพระกริ่งใหญ่ ปั้นหุ่นมาใหม่ ให้มีขนาดกระทัดรัด เหมาะแก่การห้อย พระกริ่งใหญ่จริงๆ จะใหญ่ว่ากริ่งแพโบสถ์น้ำเยอะ มีน้ำหนัก เผอิญผมไม่มีที่ชั่ง ถ้าจะต้องไปหามาสักเครื่อง

เคยอ่านเซียนใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเป็นช่างทองเก่า ท่านชั่งพระรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน ทั้งพิมพ์นิยม และ พิมพ์ขึ้ตา ผมลืมน้ำหนักแล้ว แต่น้ำหนักจากทองเบ้าเดียวกัน หล่อครั้งเดียวกัน ช่างเดียวกัน พิมพ์เดียวกัน จะมีน้ำหนัก ใกล้เคียงกัน ไม่เท่ากันเป้ะ ผมอ่านแล้วทึ่ง เป็นการเล่นพระแบบวิทยาศาสตร์จริงๆ เพราะของที่จุดเริ่มต้นเดียวกัน คล้ายกัน น.น. น่าจะใกล้เคียงกันได้ เอามาประกอบการตัดสินใจได้

ผมเคยฝันว่าวันหนึ่ง เราคงมีเครื่องสแกนพระ เมื่อสแกนพระแท้ รูปพรรณ ส่วนสูง ปริมาตร นน. วิเคราะห์มวลสารแบบเบื้องต้น หา คาร์บอน ธาตุหลัก และ ธาตุอื่น ในพระผง หรือ พระโลหะ ก็หา ธาตุอื่นๆ เมื่อได้ก็เก็บไว้ในฐานข้อมูล มากองค์ยิ่งดี เพราะจะทำให้ รู้ถึง discrepancy ( ความคลาดเคลื่อน ) ได้ ของที่ทำมาจากแหล่งเดียวกัน น่าจะ คล้ายๆกัน เพราะเราดูด้วยตา เราก็วิเคราะห์แบบเดียวคือ มีองค์ครู องค์แท้ เมื่อเจอองค์ แท้ก็เก็บข้อมูลไว้ ดูองค์ที่เราเจอ เปรียบกับองค์แท้ ไปเจอองค์แปลกๆก็ใช้ตรรกกะ จุดตายของๆเดิม มาวิเคราะห์ การที่มีข้อมูลมากเพื่อ ถ่างความคลาดเคลื่อน จาก ส่วนที่น้อยที่สุดไปหามากที่สุด เก็บไว้ในฐานข้อมูล รวมทั้งสี ผิว ( ผิวสามารถวิเคราะห์ถึงความหนาของผิวได้เหมือนความหนาของสี เป็นการวิเคราะห์ ๕ จุดแบบ วิเคราะห์ความหนาสี แล้วเอามาเป็นความหนาเฉลี่ยเฉลี่ย ) นอกจากนั้น คราบสนิม คราบขี้เบ้า คราบกรุก็น่าจะวิเคราะห์ได้ แบบวิเคราะห์แนวเชื่อม รวมทั้งน้ำหนักก็เก็บข้อมูลไว้

และการตรวจหา คาร์บอน อาจจะสร้าง softwear ที่วิเคราะห์ ความเก่าของมวลสาร ผิว สนิมได้ด้วย

เมื่อเจอพระที่เป็นเป้าหมาย ก็สแกน ด้วยเครื่องคล้ายๆสแกนเอกสาร ซึ่งชั่งได้ทั้ง น.น. รูปพรรณสันฐาน ตรวจผิว แล้ว เอาข้อมูลในเป้าหมาย มาวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับข้อมูลของแท้ในเครื่อง รวมทั้งตาเนื้อดูประกอบ น่าจะดูพระง่ายขึ้น และถ้าไปถึงจุดนั้นได้ จะได้เลิกง้อเซียนใหญ่ ให้มาตัดสินซะที ที่บางที ตัดสินแท้ เก็ จาก เหตุผลส่วนตัว ( เงิน ) ผมเคยเห็นเซียนใหญ่ เอาเบี้ย แก้ หลวงพ่อซำ เก๊ มาขาย ผมดูก็เห็นว่าเก๊ มีพวกไปซื้อมา เชื่อว่าแท้ เพราะยี่ห้อ ประกัน เอามาอวด ผมสงสารแต่พูดไม่ออก กลัวถูกเตะ

เครื่องแบบนี้ เมื่อเป็นลักษณะ คอมพิวเตอร์ เราสามารถ จะ calibrate เป็น ระยะ ได้ เช่น ทุก หนึ่งปี หรือ update ข้อมูลได้ให้ทันสมัย จาก internet ตัวเครื่องสามารถ รับรองได้ตามกฎหมาย โดย มี party ที่สาม ที่เป็นแนววิทยาศาตร์ เอาข้อมูลวิทยาศาสตร์มา ผสมกับ ความชำนาญของตาเนื้อ มาตรฐานของวงการพระเครื่องน่าจะดีกว่าปัจุบัน และข้อมูลอ้างอิง ตามวิทยาศาสตร์ ตามกฎหมายได้ ขึ้นศาลก็ฟันธงง่ายขึ้น

วันหนึ่งการดูพระและของเก่าจะเป็นวิทยาศาตร์มาขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้น การซื้อขายก็จะเป็นกลางมากขึ้น เก็บของเก่ากับแบบเก็บ สแตมป์ เก็บหุ้น เก็บไว้เป็นของมีค่า เดือดร้อนก็เอามาหมุนได้ เพราะมีรการดูที่เป็นกลาง มีราคากลางที่ยุติธรรม ขึ้นลงตามกลไกตลาด ทำให้ตลาดพระเป็นตลาดที่ลงทุนได้ประเภทหนึ่งที่จะซื้อของบางชนิด เก็บสะสมไว้ ได้ทั้ง พุทธคุณ และ การลงทุน อาจจะดีกว่าการเอาไปฝากรอดอกเบี้ยแบงค์ที่ถูกแสนถูก

ไม่ทราบฝันไปหรือไม่...แหะๆ

มาต่อที่พระกริ่งแพโบสถ์น้ำต่อ


เปิดดูไฟล์ 1551503
ส่วนสูง ประมาณ ๑.๔๙๒ นิ้ว


เปิดดูไฟล์ 1551504
ส่วนกว้างที่ฐาน ๐.๗๙๒ นิ้ว


เปิดดูไฟล์ 1551505
ส่วนหนาที่ฐาน ๐.๖๐๗ นิ้ว

จะเจาะเรื่องผิวพระต่อไปน่ะครับ[/quote]

 

ต่อด้วย พระกริ่งวรรณะสีต่างๆค่ะ จากหน้าเดียวกัน ๑๓๘๓



QUOTE=พี เสาวภา;4838505


เปิดดูไฟล์ 1551626

เนื้อเหลือง

เนื้อพระชุดนี้จะเป็นโลหะผสมน่ะครับ อย่างที่บรรยายไป แต่เนื่องจากเทพระประธานด้วย จึงใช้โลหะทองเหลืองมากหน่อย จากทองห้าเบ้า พระจะแก่ทองเหลือง อย่างที่ว่าถ้าผมเทใหม่ได้ จะเอาแก่ทองเเดงครับ จะได้ออกแนวสัมริด ให้สวยงาม

พระทุกองค์หลังจากทุบจากเบ้า จะขัดมันและชุบด้วยน้ำยา จากโรงงาน การชุบมีทั้ง หนาและบาง ( พระกริ่งวัดสุทัศน์ก็ชุบน้ำยาน่ะครับ ตามที่เขาเล่า สมเด็จพระสังฆราชแพท่านมีสูตร น้ำยาลับของท่าน )



เปิดดูไฟล์ 1551627

ที่ชุบบาง วรรณะพระจะออกสี เหลืองๆ ครับ



เปิดดูไฟล์ 1551628

บางองค์จะมีคราบเบ้า เป็นปูนขาวหลงอยู่ตามซอก


เปิดดูไฟล์ 1551629

ผิวพระจะเป็น ผิวมะระ ย่นๆทุกองค์น่ะครับ เป็นพระไม่ขัดปอกผิว[/QUOTE]

 

ต่อด้วย พระกริ่งวรรณะสีต่างๆค่ะ จากหน้าเดียวกัน ๑๓๘๓

QUOTE=พี เสาวภา;4838675



เปิดดูไฟล์ 1551707

พระเนื้อเขียว

ผิวอีกวรรณะที่มีมากคือสีเขียวน่ะครับ คือมองรวมๆจะเหลืองออกเขียวๆ สวยเหมือนกัน น้ำยาที่รมดำ บางทีจะดูด้านๆ แต่ถ่ายรูปมาจะไม่ออกเเนวเขียวเนื่องจากสีของภาพ และคุณภาพของกล้อง


เปิดดูไฟล์ 1551708

ผมถ่ายข้างหลังมาด้วยเพราะเห็นสีง่ายหน่อย


เปิดดูไฟล์ 1551709

ผิวก็จะเป็นผิวมะระ


เปิดดูไฟล์ 1551710 เปิดดูไฟล์ 1551711

พระกริ่งนี่ ส่วนมากเลยน่ะครับ สะโพกและฐานด้านซ้ายขององค์พระจะแหว่งๆ ติดไม่เต็ม จะมีมากครับ และบางทีฐาน และ ก้นจะมีรูปพรุน โลหะไหลไม่เต็ม เนื่องจากเหวี่ยงไม่เต็ม เข้าใจว่าเหวี่ยงที่วัด

[/QUOTE]

 

ต่อด้วย พระกริ่งวรรณะสีต่างๆค่ะ จากหน้าเดียวกัน ๑๓๘๓


QUOTE=พี เสาวภา;4840007


เปิดดูไฟล์ 1552253
เนื้อแดง

มีพระบางส่วนเนื้อจะออกเหลือบแดงๆ สาเหตุมาจาก เพราะชนวนส่วนหนึ่งเป็นทองแดง พวกแผ่นทองชนวน เศษท่อทองแดง ชิ้นส่วนทองแดง แล้วมารมดำซ้ำ ดูออกสัมริดเหมือนกัน สวยงามดีครับ



เปิดดูไฟล์ 1552254 เปิดดูไฟล์ 1552255 เปิดดูไฟล์ 1552256

ตามรูปผิวก็เป็นมะระตามเดิม ที่เรียบตึงๆ จะหายากน่ะครับ

[/QUOTE]

 

ต่อด้วย พระกริ่งวรรณะสีต่างๆค่ะ จากหน้าเดียวกัน ๑๓๘๓

QUOTE=พี เสาวภา;4840376

พระกริ่งเนื้อสำริดกลับดำ

วรรณะแบบนี้ก็มีน่ะครับ ไม่ใช่ไม่มี ท่านที่บูชาไปนานแล้ว มาอ่านตรงนี้ลองกลับไปสำรวจบนหิ้งดูน่ะครับ ถ้ามีฝ้าด้านๆก็แค่เอาพู่กันปัดเบาๆ เอาพวกฝ้า ฝุ่นออก ผมทำแบบเดียวกันค่อยๆทำ อย่าขัดผิวน่ะครับ อย่าไปเชื่อใครเรื่องขัดพระ อย่าขัดเด็ดขาด ยกเว้น เจตนา พวกขัดที่เอาแปรงสีฟันขัด ผิวพระจะเสียหมดน่ะครับ

พระเนื้อแบบนี้ผมเข้าใจว่า เทที่วัดช่อแรกๆ ที่มีเนื้อโลหะดี เยอะ พวกทองคำ เงิน นาค และทองแดง โลหะพวกสัมริด ทองลงหิน เพราะพอเทไป ทองเริ่มงวด ช่างจะเติมทองเหลืองลงไป เบ้าหลังๆก็เนื้อจะแก่ทองเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกเบ้าแรกๆนี้จะติดไม่เต็ม ไม่ชัดน่ะครับ ที่ติดชัดๆหายาก ถึงติดชัดที่องค์พระแต่มักจะมีรูพรุนแถวๆฐาน หรือ ก้น และอย่าไปคิดมากครับ พระพวกนี้เทโดยหลวงปู่ทั้งสิ้น แต่การควบคุม อุณหภูมิ ความเร่งรีบที่เทในเวลาในฤกษ์ เป็นการเทนอกพื้นที่โรงงาน คือเทที่วัด ต้องเตรียมเครื่องมือมา แต่ก็ไม่พร้อมเท่าในโรงงาน ทำให้มีการเสียหาย พอพระมาเทต่อที่โรงงาน เวลามีมาก อุณหภูมิคุมได้ดี ทองละลายดี พระชุดนี้จะสวยกว่าเทที่วัดน่ะครับ แต่พระเทที่วัด หลวงปู่จับสายสิญจน์เททุกองค์น่ะครับ ในสายตาผมมีภาษีกว่าน่ะครับ

และพวกเนื้อตึงๆ ในการหล่อพระผมทราบว่าการใส่เงินลงไปจะทำให้ผิวพระตึง พระกริ่งที่กลับดำ เนื้อตึงๆของวัดสุทัศน์จึงมีพวกโลหะเงินใส่ลงไปเช่น เงินเม็ดพดด้วง สมัยนี้คงไม่มีใครเอาเงินพดด้วงมาเทพระแล้วหรอกครับ เพราะหายาก น่าจะอนุรักษ์ไว้


เปิดดูไฟล์ 1552375 เปิดดูไฟล์ 1552376 เปิดดูไฟล์ 1552377

รูปโชว์พระ หน้าและ หลังพร้อมกับโค้ด นะ สองตา ชัดเจน จะเห็นผิวในยังออกเหลืองๆ บริเวณที่ขัดถูได้ เช่นจมูก ส่วนสูงๆบริเวณฐานพระและสะโพกพระ ที่โดนขัดถูได้ง่าย


เปิดดูไฟล์ 1552378 เปิดดูไฟล์ 1552379 เปิดดูไฟล์ 1552380

จากรูปโชว์ รูพรุนที่ฐาน ในรูปซ้ายสุด สังเกตุผิวในสีเหลืองๆ และ โชว์โค้ด ทั้งสองตัว ที่แม้แต่ในรอยโค้ดก็เริ่มกลับดำแล้ว


เปิดดูไฟล์ 1552381 เปิดดูไฟล์ 1552382 เปิดดูไฟล์ 1552383

จากรูปโชว์โค้ดรูปศาลา แพโบสถ์น้ำ โค้ด นะ สองตา และผิวด้านหลังที่กลับดำ

พระองค์นี้เป็นพิมพ์ธรรมดาน่ะครับ แม้โค้ดจะตอกผิดที่ ที่ฐานยืนยันครับ ว่าเป็นพิมพ์ธรรมดา ผมก็อยากให้เป็นพิมพ์กรรมการเนื้อแบบนี้เหมือนกัน...แหะๆ

[/QUOTE]

 

พระกริ่งวรรณะสีต่างๆ โดย คุณพี เสาวภา สีสุดท้ายจากหน้าเดียวกัน ๑๓๘๓ ค่ะ


QUOTE=พี เสาวภา;4843320

พระผิวเนื้อออกเหลือบแดง



เปิดดูไฟล์ 1553315 เปิดดูไฟล์ 1553316 เปิดดูไฟล์ 1553317

ตามที่สัญญาพระองค์นี้ผมค้นมา ผิวเริ่มกลับ ออกเหลือบแดงๆหน่อย สวยงามครับ ตอกโค้ดที่ก้น เป็นโค้ดรูปศาลา ตัวเดียว



เปิดดูไฟล์ 1553318 เปิดดูไฟล์ 1553319 เปิดดูไฟล์ 1553320

แต่มีข้อเสีย คือ ที่ฐานมีรูปพรุนๆ สองรู

[/QUOTE]

 

ถ้ายังมีเรื่อง พระกริ่ง แพ และ พระชัยฯ นำเสนอต่อเลยครับ จะสรุปอีกที

 

กราบเรียนเชิญคุณพีนะคะ

 

คุณพี เสาวภา ไปร่วมงานแสดงมุทิตาจิตแด่หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก ที่กระทู้ประมูลเพื่องานบุญ

ขออนุญาตยกมาเรียนพี่น้องและท่านสมาชิกค่ะ

QUOTE=พี เสาวภา;9543169

​

ทำบุญร่วมงานแสดง มุทิตาจิตแด่พระอาจารย์แม้น วัดหน้าต่างนอก ในงานคล้ายวันเกิด อายุ ๗๗ ปี

ผมถ่ายรูป บายศรี พญานาคมาน่ะครับ จะขอบอก บายศรีนี้เฮี้ยนมาก ครูแรงแบบมากๆๆๆ ผมเจอกับตัวตอนไปบวชปี ๒๕๕๔ ที่วัดหน้าต่างนอก มีนา เมษานี่แท้ๆ พอเริ่มทำ ทำเสร็จ ฝนตกจักๆๆๆ

คราวนี้ ปีนี้ก็เหมือนกัน ผมเรียนถามหลวงน้าหมู ว่าตกไหม จะไปเหลือ แต่ปีนี้แล้งมาก ตกแค่วันแรกวันเดียวครับ

ครูเขาแรงจริงๆ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทรง แห่งวัดศาลาดินครับ​

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง
โมทนาบุญในการใส่บาตรในทุกๆเช้าและกิจอันเป็นกุศลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลนะครับ
ติดตามและตามติดเสมอครับ ช่วงนี้เข้มข้นกับการทำมาหากินเหลือเกิน เศรษฐกิจไม่ค่อยดี อะไรที่ทำได้ต้องรับทำครับ เพราะเด็กยังเล็ก ผมว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างตัวกำลังประสบปัญหาอันเดียวกันแน่ๆ แต่เป็นโชคดีของผม ครูบาอาจารย์สนับสนุน เหนื่อยหน่อยก็จะอดทนครับผม

 

[/QUOTE]สวยมากครับ สาธุ

 

อ้อ ...แนะอีกนิด หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ ท่านย้ายห้องมาจาก ห้อง ๑๓๒๙ มาห้องใหม่ ๑๐๒๙ ใครยังไม่มีโอกาสไปกราบหลวงปู่เล็ก แนะนำว่ารีบ ท่านเป็นพระองค์หนึ่งใน พ.ศ. นี้ ที่ร่ำลือ ว่าสำเร็จวิชา โสฬส มาแต่โบราณ ไม่เคยได้ยินจากไหนอีก ในสมัยสมเด็จ พุฒาจารย์ โต ยังมีการบันทึกไว้ไม่กี่ท่าน สองท่าน ท่านแรก คือ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ท่านที่สองที่จำได้ คือ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ที่เหลือ คือ ขรัวอะไร ผมแก่แล้วลืมท่านไปซ่ะแล้วเพราะเกิดไม่ทัน ...แหะๆ

แต่จะเห็นได้ว่าผู้สำเร็จวิชาโสฬส จะเก่งทางหวย ให้หวยแม่น ( แค่ดัดแปลงมาใช้บอกหวย ก ข ) และ ปลุกเสก เครื่องรางของขลังจะเป็นศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ มีรูป มีนาม มีจิต มีวิญญาณ ดังอมตะ สะท้านฟ้า ดังพระสมเด็จ วัดระฆัง ตะกรุด และ พระปิดตา วัดสะพานสูง ราคาเป็นหลักล้าน และ หลายสิบล้าน

ท่านใดที่ไม่เคยไปกราบหลวงปู่เล็ก แนะนำว่า พรุ่งนี้ไปได้ให้ไปทันที ....อย่าช้า

ไปค้นในอาจารย์กู๋มา เชื่อว่าผู้ที่สำเร็จวิชาโสฬส ของเล่นพระอริยบุคคลมี ๑๒ ท่าน ( ลอกเขามา )

๑.สมเด็จกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์........ สร้างพระกริ่งปวเรศ ตำนานของพระกริ่ง
๒.ขรัวจาด สัพพัญญู วัดภาณุรังษี บางพลูใน
๓.ขรัวคุมโปง วัดดีดวด หลังวัดอรุณราชวราราม
๔.ขรัวแก่น โคกขาม วัดในคลองบางซื่อ
๕.ขรัวเขียว วัดบางละมุดใต้ ตรงกันข้ามบางโพธิ์
๖.เจ้าคุณธรรมกิตติ วัดรังษีสุธาวาส ..............สร้างพระวัดรังสี ชีวีไม่วอดวาย
ู๗.อาจารย์เตา วัดสุนทรธรรมทาน นางเลิ้ง
๘.เจ้าคุณจันโทปมคุณมุนี วัดมกุฏกษัตริยาราม
๙.อาจารย์เหม วัดเทพากร บางพลู
๑๐.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ............สร้างตำนาน พระสมเด็จวัดระฆัง
๑๑.สมเด็จพระพุฒาจารย์(เขียว)วัดราชาธิวาส
๑๒.อาจารย์โพธิ์ วัดเทพนารี บางพลู

ไม่ได้กล่าวถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงน่ะครับ แต่ที่ผมค้นคว้ามามีครับ

ท่านทั้งหลายที่ปรากฏชื่อ ล่ะสังขารไปหมดแล้วน่ะครับ

แต่ยังเหลืออยู่องค์ครับ ผมบอกไปแล้ว ท่านไม่สนใจถือว่าเป็นอกุศลกรรมของท่าน....แหะๆ