แล้วเรา คือ อะไร?...../ใคร....?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 4 สิงหาคม 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๑๒๐ครับ
    ตลกดีครับพี่ ผมพึ่งเคยพบแบบนี้นี่แหละ ก็ลองดูครับ แค่เห็นก็ไม่อยากถามต่อแล้ว หลักใจผมมีมานานมากกว่าพี่ก็แล้วกัน ผมไม่เหมือนพี่ตรงที่ผมทำแล้วเห็นยังไงก็อย่างนั้น แต่พี่เห็นพุทธพจน์แล้วค่อยทำเอาจิตเข้าปรุงแต่งคาดหวังให้เป็นอย่างนั้น ความรู้สึกของพี่จึงต่างกับผมเยอะมากๆๆๆๆๆๆ จริงๆ แล้วผมเบื่อที่จะยุ่งกับพี่หรือใครๆ ที่คิดคล้ายๆพี่เหมือนกันนะ แต่ด้วยยังมีผู้ที่มองเห็นคล้ายผมหลงเหลืออยู่บ้าง ผมเอาคำกล่าว ของหลวงปู่มา แล้วผมก็ปฏิบัติตาม พิจารณาตาม หรือ เรียกตกผลึกความคิดอย่างที่พี่ว่านั่นแหละ อย่าได้ประมาทผู้อื่นเพราะหากพี่ยังไม่ได้อภิญญาญาณ ก็อย่าคาดหวังว่าผมหรือใครจะเป็นอย่างไร มันไม่ตรงความจริง คุณธรรมเบื้องต้นแค่นี้ ก็ไม่รักษาแล้ว ผู้บรรลุธรรมเบื้องสูงนั้นจิตละเอียดกว่าจะหยั่งถึงได้ ฉนั้นผมว่าพี่และพวกอย่าอุปโหลกเลย แต่คนอื่นอาจไม่สงสัย ยกเว้นผมคนเดียวที่สงสัย เรื่องนี้ ผมรู้ว่าขณะนี้ผมใช้อัตตานี้เพื่อฝึก แต่ผมไม่เคยยึดว่าอัตตานี้เป็นของผมรวมไปถึงจิตด้วย เพราะขณะปัจจุบันเท่านั้น ตรองดู....(ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงเป็นคนเช่นนี้ได้เพราะหลงตัวเองอยู่รู้มั้ยครับ....เพราะอะไร???/...เมื่อบอกว่าได้หลักใจมานานกว่าผนนั้นเอาอะไรมาพูดครับ?/....หรือได้อภิญญาญาณแล้ว....ถ้าคนที่ได้หลักใจแล้ว...ไม่มาเถียงเรื่อง "จิตของเรา"คอเป็นเอ็นหรอกครับ?....ผู้ที่ได้หลักใจนั้นล้วนแล้วแต่รู้เรื่อง "จิตของเรา"ดีทุกท่านครับ/...ที่ท่านเดาเอาเองว่าผมจำจากพุทธวจนะมาพูดนั้นหนะผิดเต็มๆเลยรู้มั๊ย???/....ผมเพิ่งอ่านพุทธพจน์มาเมื่อไม่เกิน๒-๓ปีนี้เอง...เพื่อเทียบเคียงกับผลปฏิบัติที่ได้มานั้นตรงต่อพระบรมครูหรือไม่?/...ท่านก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้วนิครับว่า....ความรู้ทีได้มาจากความคิดที่ตกผลึกเท่านั้น....เอามาเป็นหลักใจไม่ได้หรอกครับ?/...ของแบบนี้คิดเองเออเองไม่ได้....มันแตกต่างกันที่ผลที่ทำให้การดำเนินชีวิตได้ถูกต้องแบบเป็นสุข...ไม่ใช่แบบคิดเองเออเองว่าดีแล้ว/....ธรรมะของพระบรมครูนั้นผู้ได้แล้ว ย่อมรู้ว่าได้แล้ว.....ไม่ใช่แบบที่เดี๋ยวใช่ เดี๋ยวไม่ใช่ เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี เดี๋ยวได้ เดี๋ยวไม่ได้....ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับ....ผมอธิบายมามากขนาดนี้...เชื่อว่าน่าจะรู้(จักทุกข์)เห็น(เหตุแห่งทุกข์)ตามความเป็นจริงขึ้นมาบ้าง/....แต่เปล่าเลย...ด้วยทิฐิมานะในตนมากจนเกินไป...เป็นการแสดงถึงการขาดอย่างมากเกินไปในวัยอันควร/....จึงทำให้มองข้ามเหตุผลอย่างไม่ใยดี....หรือที่เรียกว่า "ติดดีในดี" แบบไม่ลืมหูลืมตาเสียเลยครับ ถ้ายังไม่รู้จัก "ตน"ที่แท้จริง...ก็ติดแต่ตนที่จับต้องได้อยู่เท่านั้น)

    ;aa24
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๑๑๓ครับ
    ผู้มีสติปัญญาก็พิจารณาเอาเอง...

    บังคับให้ใครมาเชื่อไม่ได้...

    เพราะคนส่วนใหญ่จะเชื่อในสิ่งที่ตนเชื่อ...ที่ตนปฏิบัติ..ที่ตนถนัด..ที่ตนเห็นชอบเท่านั้น

    ด้วยเหตุผลที่เข้าข้างตนเอง...ไม่ใช่เหตุผลของธรรม

    พิจารณาดู..ว่า จอมปราชญ์อย่างพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรปฏิบัติอย่างไร...

    แล้วพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น องค์หลวงตามหาบัว จอมปราชญ์แห่งยุค

    ท่านสอนอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร..

    แบบอย่างก็มีให้ดำเนินตาม..องค์จริงๆก็มีชีวิตอยู่...ให้อบรมสั่งสอนและเรียนถาม

    แล้วถ้ายังไปเชื่ออาจารย์กรรมฐานนิ้วคลิ๊กไฮเทค..ที่มีความคิดตกผลึกเดาเอาเอง..

    เพชรแท้ไม่เอาจะเอาเศษกระจก...

    เพียงเพราะคำพูดที่โดนใจเอามาเป็นบรรทัดฐานของความเชื่อ..ศรัทธา

    การปฏิบัติให้เป็นแบบอย่าง... เหนือกว่าคำพูดเป็นร้อยเป็นพัน

    ของที่ได้มาง่ายๆไม่มีคุณค่า..แค่เล่นตามกระแสตามยุคตามสมัย...

    ....(ขออนุโมทนา สาธุครับ ที่ได้พยายามชี้ให้เห็นทางสว่าง
    สำหรับที่ผู้หลงความคิดที่ตกผลึกของตนเองว่าถูกต้อง

    แม้แต่หลักธรรมที่แท้จริงในพุทธศาสนายังไม่รู้จักเอาเสียเลย
    พระบรมครูและครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนนั้น...ท่านสอนไม่ผิดหรอกครับ...

    ที่ผิดนั้นเกิดจากความสะเพร่าของนักบวชรุ่นใหม่ ที่ไม่ลงมือปฏิบัติตามรอยพระบรมครู
    แต่คิดเอาเองจากปัญญาที่ได้จากความคิดที่ตกผลึกเท่านั้น/...ไม่ใช่จากการปฏิบัติเลยครับ)

    ;aa24
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    พี่จินนี่คงหมายถึง ต้องมีการประชุมกันเพื่อให้งานมันเดินได้ใช่ไหมคะ
    หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง นั้นคืองานไม่สมูบรณ์ หรืองานไม่เดินเลย
     
  4. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อนุโมทนาเช่นกันค่ะ พี่หนูเล็ก

    เมือเรา(จิต) ถูกอบรมเต็มที่แล้ว ย่อมไม่มีวันแปรปรวนใช่ไหมคะ
    หมายถึง ไม่ว่าขันธ์เราจะแปรปรวนไป ตามภพอื่น หรือมีทุกข์เวทนา
    แต่เรา(จิต) ก็ยังเป็นจิตดวงเดิม แต่

    นานาสงสัยอีกอย่างหนึ่งเมื่อจิตเราซ่าน(จิตแตก) นั่นคือจิตเราไปรับรู้และจาก
    วิญญาญ ที่อายตนะมากระทบเราเผลอไปปรุง แรก ๆ นานาว่าจิตเราคงจะมีหลายดวง แต่มาศึกษาอีกที ปรากฏว่าจิตเรามีดวงเดียวเท่านั้น (ขอเรียกจิตเป็นดวงแล้วกันนะ นะคะ ยึดสมมุติก่อนแล้วกัน) เมื่อก่อนเหตุที่ไปคิดว่าจิตมีหลายดวง เพราะเรามีหลายอารมณ์หลายความรู้สึก เข้าพาเข้าใจไปแบบนั้น
    พอมาอ่านแล้วศึกษาใหม่จึงเข้าใจว่า เรา (จิต)มีดวงเดียวเท่านั้น
    เมื่อเปลี่ยนภพ จิตยังคงเป็นจิตดวงเดิมใช่ไหมคะ
     
  5. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    ไม่มีร่างกายแต่จิตยังทำงานอยู่ ยังมีอารมณ์ รู้และจำอยู่เช่นเดิม ต่างตรงที่ว่าจิตเราฝึกมาในด้านไหน ถ้าดีจิตก็อยู่ในสภาวรู้และจำ เสวยสิ่งที่ เช่นไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน ถ้าจิตมันฝึกมาด้านเลว ก็ไปอบายภูมิ จิตนี่ไม่ใช่วัตถุจะไปเทียบกันก็ไม่ได้ครับ ไม่เช่นนั้นทำชั่วตายแล้วก็ไม่ไปนรก ดี ไม่ไปสวรรค์สิ เพราะไม่มีกาย เป็นองค์ประกอบ จิตเป็นเราเป็นของเราบังคับได้ฝึกได้ แต่กายไม่ใช่เราบังคับไม่ได้ ไม่อยากตาย แต่มันจะตายห้ามได้หรือ
     
  6. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    เสริม...ตัวเสวยอารมณ์ ก็คือเรา(จิต) ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ ดับได้ด้วยใจ มีใจเป็นหัวหน้า ทำชั่วดี ก็ที่ใจ(จิต)
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตอนที่เราตาย ร่างกายตาย
    ใครห้ามจิตตัวเองไม่ให้จุติ ไม่ให้เกิดปฏิสนธิจิตได้มั่งไหม
    ตอนที่จิตเข้าภวังค์รอเกิดภพใหม่อยู่ ถ้าไม่มีใครไปห้าม ไปตัดภพ จะเป็นยังไงต่อไป

    ปล.คนที่ไม่มีภวังค์จิตแล้วก็คงไม่มีภพชาติแล้วมั้ง ฟังมาอีกทีนะ ยังไม่รู้
    แต่ตัวเรานี่เข้าภวังค์อยู่ทุกคืนแบบว่า หลับแล้ว ครอกฟี้ๆๆๆ มีฝันบ้างไม่ฝันบ้าง
    ถ้าฝันมีสติก็จำได้ ถ้าไม่มีสติก็จำอะไรไม่ได้
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    สัตว์โลก มีตัวกระทำเป็นของตนเอง

    เพราะ ความหมายของ สัจจะธรรม
    คือ ...ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

    ทุกการกระทำ ทุกย่างก้าว ล้วนเกิดเป็นตัวตนของการกระทำทั้งสิ้น
    เสมือนถ่ายวีดีโอเอาไว้ พระพุทธเจ้าเรียกตัวตนของการกระทำที่ล่องหนนี้ว่า... "ตัวกระทำ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE id=post2330562 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ชัชวาล เพ่งวรรธนะ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2330562", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2008
    สถานที่: ภูหมอกรีสอรท์ 154 ม4 ต ทุ่งสมอ อ เขาค้อ จ เพชรบูรณ์ 67270
    ข้อความ: 552
    Groans: 18
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,745
    ได้รับอนุโมทนา 6,757 ครั้ง ใน 553 โพส
    พลังการให้คะแนน: 81 [​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2330562 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ปิดทวารทั้ง๕ประหารใจ<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อายตนะภายในเปิดอ้าพร้อมรับอายตนะภายนอก
    จิตซัดส่ายวิ่งหมุนวนอยู่ภายใน
    เมื่อมีเหตุมีปัจจัยจิตจะไปสถิตย์อาศัยเพื่อรู้อารมณ์ในช่องวิญญาณแห่งอายตนะ
    รู้แล้วสลายหายไปในช่องวิญญาณแห่งนั้น
    จิตไม่มีตัวตน ใจจับต้องไม่ได้เป็นเพราะอุปทานความไม่รู้จึงถูกอวิชชาครอบงำ
    สร้างร่างกายสร้างทวารทั้ง๕เพื่อก้าวเข้ามาสู่โลกแห่งแสงสีเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา

    จิตข้าพเจ้าสังโยคอารมณ์เปิดอ้ารับผัสสะกระทบในจุดในตำแหน่งที่กระทบมีภพปรากฏมีขอบเขตให้สืบค้น โสตประสาทข้าพเจ้าตื่นรับรู้แม้เพียงสะกิดจิตที่เป็นผู้รู้อารมณ์จะปรากฏตัวตนในตำแหน่งสะกิดใจ

    จุดรวมข้าพเจ้าอยู่ที่ใจแต่เพราะใจข้าพเจ้ามืดบอกเพราะถูกอวิชชาครอบงำมาตั้งแต่ในยุคโบราณ ใจที่ไม่รู้หนีทุกข์มาตั้งแต่เบื้องต้นสะสมเชื้อในสันดานพร้อมที่จะสั่นกระเพื่อมและหวั่นไหวไปกับอายตนะภายนอก

    ข้าพเจ้าอาศัยอายตนะภายในรับรู้ในทุกสิ่งแต่วิญาณทั้ง๕ล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยทุกข์อยู่เสมอ

    สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าต้องทำคือเข้าไปรู้ในวิญญาณทั้ง๕เพื่อหาทางทำลายในจุดตำแหน่งเสียก่อน ข้าพเจ้าไม่สามารถปิดทวารทั้ง๕ได้ถ้าปราศจากสติที่พัฒนาตนในการตื่นรู้ในช่องวิญญาณ

    ปิดทวารทั้ง๕ประหารใจ....

    ในจุดผัสสะกระทบเมื่อข้าพเจ้าปิดตาลงกายที่สงบระงับทวารทั้ง๕ข้าพเจ้าปิดไป๔ทวารเหลือเพียงแค่วิญญาณทางหู เสียงเป็นหนามแหลมคมมาก่อกวนจิต
    ข้าพเจ้าดื่มด่ำในฌานด้วยความสงบ ไม่หวั่นไหว ไม่เกาะกุม ความสงบเงียบปรากฏ แม้เสียงที่มากระทบได้ยินแต่ไม่กระเทือนถึงใจ ไม่ทำให้ใจกระเพื่อมและสั่นไหว นิ่งสงบ สยบในทุกสรรพสิ่ง

    ความคิดที่ถูกทิ้งลงไปกระเพื่อมสั่นไหวเกิดขึ้นมาใหม่เพราะห่างเหิน
    ใจข้าพเจ้าผ่องแผ้วใสกระจ่าง โดนกวนให้ขุ่นมัวด้วยเพราะความคิดปรากฏทั้งๆที่คิดว่าทิ้งคิดแต่เพื่อนก็มาเยือนเพราะห่างเหิน

    น้ำนิ่งใสกระจ่างอยู่กลางแจ้ง ราบเรียบปราศจากการกระเพื่อมและสั่นไหว
    ไร้คลื่นกระทบบนพื้นผิว ปราศจากผัสสะเหมือนดั่งทุกสรรพสิ่งได้หยุดนิ่งไปชั่วขณะ

    จิตข้าพเจ้าเหมือนดั่งฟองน้ำที่เริ่มผุดเป็นเม็ดๆเหมือนพรองฟายแห่งน้ำที่ผุดขึ้นเพื่อมารับรู้ผัสสะอีกครั้ง ใจข้าพเจ้าหวั่นไหว ใจข้าพเจ้ากระเพื่อมไปในความคิดที่เริ่มก่อหวอดขึ้นมา

    สลัดคืนกลับสู่ธรรมชาติ ไม่เกาะกุมธรรมชาติ มาก็ช่างแต่ไม่สนใจแม้น่ารักน่าชังก็ไม่เกาะกุมแม้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็
    ไม่ใส่ใจใยดี คิดจึงมลายหายสูญ พลายฟองที่ผุดมลายหายไป

    ใจข้าพเจ้ารับรู้ถึงความแผ่ซ่าน ชุ่มชื่นเบิกบาน ช่างหอมหวนหอมหวาน สดชื่น
    เหมือนดั่งจิตได้ขยายขอบเขตกระจายออกไปเหมือนเปิดรับเอาความสดใส สดชื่น เหมือนได้รับการถ่ายเท
    เหมือนดั่งถูกสรรพสิ่งให้สิ่งสนองในความแจ่มใส
    เหมือนดั่งธรรมชาติให้ความละเอียดไปทุกผัสสะแห่งอายตนะ เหมือนดั่งวิญญาณที่รับรู้ในสิ่งละเอียดฟูผ่องแผ้ว ช่างติดตรึงและหนีไม่พ้นในเหยื่อล่อให้ลุ่มหลง

    ข้าพเจ้าต้องสำรอกมันออกทิ้งเสีย สติที่ตื่นขึ้น คุณธรรมที่ปรากฏละทิ้งในสิ่งละเอียดด้วยการสละอารมณ์จากการที่เคยให้ทาน จากการที่รักษาศีล จากการที่สำรวมระวัง จากการที่คุณธรรมได้งอกเงย ปัญญาที่เห็นภัยร้ายสำรอกออกมาด้วยเอาสติแนบใจที่เป็นผู้เฉยๆ สบายๆ ไม่ว่าสิ่งใดปรากฏ

    นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว ไม่เกาะกุม ไม่หวั่นไหว ไม่ปรุงแต่ง ไม่เพลิดเพลิน ไม่ยินดี

    สติที่ตื่นเกาะกุมใจสรรพสิ่งที่ไหลถ่ายเทเข้ามาก็มลายหายสูญ

    ข้าพเจ้าเหมือนดั่งคนที่หลับลึกลงไปเรื่อยๆแต่แปลกที่ว่าในความหลับลึกดำดิ่งลงสู่ความสงบเงียบกลับยิ่งมีความตื่นมีสติที่พร้อมเผชิญหน้ากับธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง

    หลับในตื่น ตื่นในกายที่หลับไหล ทิ้งกายสิ้นเชิงเข้ามาอยู่ในสถานที่ไร้สรรพสิ่ง ไร้ตัวตน
    ลมหายใจที่เงียบหาย
    ลมหายใจที่แผ่วเบาละเอียดไหวเป็นระลอกคลื่นปรากฏเพราะห่างหาย ทำให้กายเนื้อสั่นไหวระลิกปรากฏจุด ตำแหน่งให้สืบค้น

    เมื่อมันจะมาก็ห้ามไม่ได้ เมื่อมันจะไปก็รั้งไม่ไหว

    ลมเป็นพาหะนำสุขทกุข์มากวนให้ขุ่นมัว อยากมาก็มา อยากไปก็ไป เฉยเท่านั้น
    ไม่เกาะกุมลมที่แสดงตนแม้จะเคลื่อนไหวเช่นใดเป็นเรื่องของลม
    ลมไปมาไร้ล่องลอยให้สืบค้นมีแต่ลมเป็นหนึ่ง ใจนิ่งดั่งสายน้ำ

    ลมที่กระทบเริ่มแผ่วเบารวมตัวเป็นหนึ่ง นิ่งเต็มตัวไม่พริ้วไหวเหมือนกลุ่มอากาศครอบลงกลางใจไม่ไหวเอนเป็นหนึ่งระหว่างวัน อากาศธาตุครอบคลุมรอบกายเหมือนลมกลายเป็นฟองน้ำขนาดใหญ่ครอบขันธ์ละเอียด ไม่พริ้วไหว ไม่สั่นกระเพื่อม รวมเป็นหนึ่งทั้งกายและจิตที่ละเอียด ลมละลายหายกลายเป็นฟองน้ำห่อหุ้มขันธ์ละเอียด

    ปิดทวารทั้ง๕ได้เสร็จลง...

    ใจมั่นคงแท้จริงปรากฏไม่หวั่นไหว
    ไร้สุขไร้ทุกข์มากวนใจ
    ความเป็นกลางเที่ยงธรรมปรากฏจริง
    สติมีกำลังมาปรากฏ
    ใจบริสุทธิ์ิ์ผุดผ่องแผ้วดั่งสายน้ำใส
    ไหลย้อนทวนเข้าหาใจ
    เพื่อพบใจประหารสิ้นผ่องอินทรีย์

    (อ่านยากนิดหน่อยนะครับ อ่านด้วยการพิจารณาด้วย เป็นความเห็นส่วนตนครับ)<!-- google_ad_section_end -->



    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร.151647/page-38
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2009
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่ได้ถามผม แต่ผมอยากจะคุยด้วย

    เอาอย่างนี้นะ
    มีเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
    เลข 1 แทนการเกิด เลข 2 - 9 แทน โต แ่ก่ เจ็บ ระหว่างหนึ่งชีวิตหนึ่งชาติ เลข 0 แทนการตาย


    ชาตินี้ เป็นมนุษย์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
    ชาติต่อไป เป็นมนุษย์โลกอื่น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
    ชาติต่อไป กลับเป็นมนุษย์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
    ชาติต่อไป ต่ำกว่ามนุษย์ อาจจะเป็นสัตว์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0

    ก็พยายามสื่อให้เข้าใจนะ จะดีกว่าหากอ่านการข้ามโอฆะของพระอาจารย์ปราโมทย์ หรือ อ่านเทศน์ของพระครูเกษมธรรมทัต

    เหตุที่เกิด คือ เชื้อที่ยังไม่สิ้น พาให้เวียนว่ายไปเรื่อย จนเป็นคำกล่าว "จิตดวงเดียวที่เที่ยวไป" เน้นย้ำไปที่จิต เพราะกรรม ยังมี 3 ระดับ คือ มโน วาจา และกาย

    แต่ถ้าถามจิตใช่เราไหม คำตอบของแต่ละภูมิไม่เท่ากัน อันนี้ลองวิปัสสนาดูเอง ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2009
  11. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    ตอบท่าน K.Kwan ที่ท่านสงสัย นั่นมาจากกรรมเป็นตัวกำหนดครับ ว่าเราจะไปเกิดภพใดภูมิใด เกิดไปเรื่อยจนกว่าท่านจะดับความพอใจ ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 หรืออย่างต่ำเป็นอนาคามี คือละ ราคะ ปฏิฆะ คำว่าเกิดเป็นมนุษย์ไม่มีอีกต่อไป สงสัยอะไรไปดูที่คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หมวดพระอริยะเจ้า
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ผู้ที่จัดสรร การเกิด...ก็คือ ตัวกระทำของตนเอง

    - " หนุมาน ผู้เนสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ศาสนาพระโคดม ****

    สมัยพุทธกาล...
    ไม่มีอรหันต์ใด ที่กล้าตั้งตนเป็นอาจารย์
    ไม่มีอรหันต์ใด ที่กล้าสอนเกินคำสอน...คือ สัจจะทำที่พระพุทธเจ้าสอน

    สมัยหลังกึ่งพุทธกาล
    มีความเชื่อนอกศาสนา เข้ามาบดบังแก่นสารคำสอนพระพุทธเจ้า
    คือ ผู้คนไม่รู้จักสัจจะทำ ผู้คนไม่เข้าใจสัจจะทำ ผู้คนคิดว่าสัจจะเป็นลัทธิหนึ่ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    การกระทำนั้น เรียกว่าอะไรครับ ท่าน ใช่เรียกว่ากรรมหรือปล่าวครับช่วยแนะนำที
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ตัวตนที่ตามเรามา ****

    นิสัยสันดาน...คือ สิ่งที่ติดตามเรามาตั้งแต่เกิด
    ข้อสังเกต คือ....นิสัยสันดาน เป็นตัวตนที่เรามองไม่เห็น แต่แผลงเป็นการกระทำให้เราได้เห็น
    นิสัยสันดาน....คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราค่อยๆ ตัดทิ้งไป
    พระพุทธเจ้าสอนให้มี สัจจะเป็นผู้นำการกระทำ
    คือ กำหนดสัจจะมานำตนเอง ไม่ให้กายวาจาใจทำตามนิสัยสันดาน นั้นๆ
    ทำได้จริงวันละ ๑ ชั่วโมง แต่ทำทุกวันเป็นประจำ
    ผลที่ได้รีบ คือ...เราจะสามารถหลุดพ้นจากนิสัยสันดานตัวนั้นไปได้จริง
    นิสัยนั้น จะลดลง ลดลง จนหมดไปในที่สุด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ท่าน คือ ใคร ****

    ตัวตนที่แท้จริงของท่าน...ก็คือ ตัวกระทำของท่านเอง
    เมื่อ เราสามารถหลุดพ้นไปจากโลกได้....คือ ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่
    หลุดไปนอกโลกได้ เข้าสู่อาณาจักรแดนนิพพาน...แล้วเราจะได้เห็นการกระทำของตนเอง ตั้งแต่ต้น จนจบ
    คือ เห็นตัวกระทำของตนเอง ทั้งหมด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    ก็แสดงว่า เรา(จิต)ยังรับรู้ และจำได้ใช่ไหมท่าน
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    นิพพาน...คือ ถึงที่สุด ไปถึงที่สุด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** บางคนเชื่อง่าย ****

    ปัญญา...คือ พิจารณาคิดได้ เข้าใจเหตุ เข้าใจผล รู้ทางออก
    ไม่ใช่....เชื่อตามที่เขาเขียนไว้ นั่นยังไม่ได้พิจารณาเหตุและผล
    เราอาจจะโดนเขาหลอกได้ ไม่รู้ตัว...เพราะ ขาดการพิจารณาด้วยตนเอง
    ถ้า ท่านคิดได้เอง มองเห็นเหตุ เห็นผล....ท่านก็เป็น ผู้มีปัญญาในเรื่องนั่น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    การกระทำ...เรามองเห็นด้วยตา
    แต่ ตัวกระทำ....มันล่องหนอยู่ตลอดเวลา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...