ไม่รู้ความหมาย เกิด-ดับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 24 มิถุนายน 2012.

  1. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    นี้นั้นแหละ ย้ำให้รู้ว่า ไม่รู้จัก อนัตตา
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    จำไว้นะ
    ถ้าไม่รู้จักตัวตน(ที่พึ่ง)ที่ถูกต้องแล้ว
    ไม่มีทางที่จะรู้จักสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนได้เลย

    แล้วโลกุตตรจิตชั้นพระอรหันต์หละ?
    จิตที่อบรมดีแล้ว พึ่งได้หรือพึ่งไม่ได้หละ?

    แล้วจิตมีรูปร่างเป็นตัวๆจับต้องได้หรือ?
    พระพุทธพจน์ชัดเจนว่า ต้องมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
    รู้จักหรือเปล่าตนที่เป็นที่พึ่งนะ

    อะไรที่ไม่มีตัวตน ก็แสดงว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
    ที่ชาวบ้านเรียกสิ่งนั้น ติต่างขึ้นเองเพราะไม่มีตัวตน
    เป็นของหลอกลวงโกหกพกลม ใช่หรือไม่?

    จะอัตตาธรรมหรืออนัตตาธรรม ก็ล้วนธรรมที่ต้องรู้ทั้งนั้น
    อย่ามาโม้เลย "ผมเอาพระธรรมมา คุยกัน"

    สนทนาสมควรแก่ธรรมทุกท่าน
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ถ้าจะโชว์ว่าตนเองรู้จักอนัตตาธรรมดี ก็อธิบายสิ
    อย่ามาบอกเพียงแค่นี้ แล้วคิดว่าเท่ เพราะหมดมุขแล้ว
    หรือจะบอกว่า แม้พระนิพพานก็เป็นอนัตตา
    เก่งจริงเลย ที่รู้เกินพระบรมครูจอมศาสดา

    เฮ้อ!!! มีหน้าที่เจริญในธรรม55+
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ที่เหลือขอค้างไว้ก่อน

    เหนื่อยใจจริงๆ

    กับนักธรรมะรุ่นใหม่

    ที่มีหัวไว้เพียงกั้นหูเท่ๆเท่านั้น

    โดยไม่รู้จักเอาหัวที่มีอยู่นั้น

    มาพิจารณาตริตรองตามความเป็นจริงด้วยเหตุและผล

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  5. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คุณธรรมภูต
    ดันจนหัวช้นฝาเเล้วมั่งนั้น นี้เเละนะ ความหมายของคนที่ ไม่มีเหตุ ไม่มีผล อะไรก็จะสวดโชวสาว
    อะไรๆก็คิดว่าตัวเองนั่นถูกหมด รู้เยอะ ก็ทำให้เป็นจนถึงทุกวันนี้ไง เมื่อ10ปีเป็นไง เก่งอยู่เหมือนเดิม จนถึงทุกวันนี้ เท่าเดิม
    ผมจะอธิบายให้ฟังบ้าง
    คุณต้องทำความเข้าใจกับสมมุติบัญญัติดีๆ ไม่ใช่ให้ไปยึด เเม้เเต่คำว่านิพพานนะ
    มันไม่มีอะไรมาก พระพุทธเจ้าบอกทุกบัญญัติในโลกก็ต้องอาศัยผัสสะทั่งนั่น
    เเล้วคิดว่าจะเที่ยงเเท้ถาวรรึ? เเบบนี้พระปัจเจกก็ไม่มีในโลกสิถ้าคุณคิดว่าต้องไปนิพพานให้ได้ ท่านอาจจะเรียกเเบบภาษาของท่าน เเต่ที่สำคัญคือไม่ยึดอะไรในโลกทั่งปวง
    ภาษาชาวบ้านเรียกว่าหาไม่เป็นนะจ๊ะ
    แล้วพระนิพพานจะหาเจอหรือ?

    ที่ตอบให้เพราะเห็นคุณตามหาพระนิพพานอยู่ พระสูตรก็บอกชัดๆเเล้วยังจะไปตีความเพิ่มต้องไปหาอีกรึ? ก็เมื่อปล่อยวางขันธ์5เเล้ว มีญาณบอกเเล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรเเล้ว เหมือนกับคุณกำลังถือของหนักๆอยู่ จะไปหาความเบาตรงไหน
    ก็คือปล่อยของหนัก ความเบาก็เกิดขึ้นเอง
     
  6. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คนอะไร พูดอยู่คนเดียวเเท้ๆ ยังไปว่าเค้าเอาดีฝ่ายเดียวได้อีก
    วันหลังจะลงอะไรหัดสอบสวนเทียบเคียงก่อนนะ
    พูดมาได้ยังไง อสังขตธาตุคือพระนิพพาน

    ระบบวิมุตติ หรือ นิพพาน เรียกว่า อสังขตธรรม คือ ธรรมที่ถูกปรุงแต่งไม่ได้ ประกอบด้วย

    1. นะ อปุปาโท ปัญญายติ ไม่ปรากฏการเกิด
    2. นะ วะโย ปัญญายติ ไม่ปรากฏการเสื่อม
    3. นะ ฐิตัสสะ อัญญะฐัตตัง ปัญญายติ เมื่อตั้งอยู่ ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
    พระพุทธพจน์ในปสาทธสูตรชัดเจนว่า
    สังขตธรรมก็ดี อสังขตธรรมก็ดี มีปรัมาณเท่าใด
    เรา(พระพุทธเจ้า)กล่าวว่าวิราคะธรรมเลิศกว่าธรรมทั้งสอง

    ดูคุณสมบัติดีๆ คุณนี้ชอบหาพระสูตร มาทำให้สับสนอยู่เรื่อย คุณบอกให้คนอื่นเทียบเคียงตัวคุณยังเอามาตีความหมายผิดๆอยู่เลย
    วิราคะ ความจางคาย
    มีอยู่1พระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัส วิราคะเป็นธรรมที่เข้าไปตั้งอาศัยในวิมุตติ
    ก็เห็นได้ว่าก็อย่างเดียวกันไม่ขัดกัน
    เเต่คุณพยายามตีความหมายไปทางคุณให้ได้ไง ไม่ดีนะคุณธรรมภูต ก็อย่างที่คุณบอก วันหลังจะลงอะไรหัดสอบสวนเทียบเคียงก่อนนะ อย่าเอาเเต่โชวหญิง
     
  7. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    เห้อ อ กลับมาเจริญในธรรมเถอะ... ไม่ใช่เจริญในกรรม, กาม ธรรมภูต
     
  8. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ท่านอื่นท่านก็พยายามอธิบาย คุณก็ไม่เข้าใจ นิพพานคุณก็คิดว่าเป็นดวงจิตหลุดพ้นออกจากร่างแล้วไปสวรรค์อะไรนั้นมันไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องจิตนี้ถ้าคุณยังไม่ใช่โสดาปัตติมรรคเลิกพูดเหอะ แนะว่าเอาพระโสดาบันให้ได้เสียก่อน อย่างพี่ธรรมภูติ คุณขันธ์ คุณโอ๊ท คุณฟังเขาไว้...
     
  9. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    นิพพานเป็นอสังขตธรรม ไม่ใช่อสังขตธาตุ คือไม่มีการปรุงแต่ง เป็นไปด้วยวิถีปัญญา ส่วนนิพพานจะสูญหรือไม่สูญพระอริยะเท่านั้นที่ท่านทราบ และทราบด้วยปัญญาไม่ใช่สัญญา การบรรลุธรรมมี 2 นัยคือ 1.สัญญา 2.ปัญญา ทีนี้ปัญญาก็ต้องเป็นสัมมาทิฏฐิด้วย หลักการมีอยู่แล้วแต่ไม่เดินเอง คือมรรคมีองค์ 8 และเมื่อยังไม่ได้วิมุตติแห่งใจ ก็นับว่ามีข้อบกพร่องอยู่ แต่การเอาชนะคะคานบางท่านเป็นหน้าที่ของท่าน จัดเป็นหน้าที่ แค่ในหมู่เพื่อนฝูงสามัคคีกันไหม บางทีในวงเหล้าทะเลาะกันเอง จักรวาลที่พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาลนัก จึงต้อง ไม่ประมาท!
     
  10. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ผมก็พยายามบอก อย่างนั้นนะซิ แล้วท่านอ่านตรงไหนที่ว่า ผมเอาอัตตา หานิพพาน ผมพยายามบอกคุณธรรมภูติ ว่า ไม่มีจิต เข้านิพพาน ท่านอ่านบทสนทนา กันก่อนหน้านี้ยังนิ มา งง เลย อิอิ

    ส่วนที่ใครจะเป็น อะไรๆๆ โสดา สกา หรืออะไรๆนั้น ผมไม่เคยสน เพราะผมไม่เคยอยากเป็น สักนิดเลย

    ผมปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อมี/เป็น เด่อครับ ไม่งั้น สมบัติผมไม่ยกให้พ่อแม่ลูกหลานหมดหรอกครับ ร่างก็จะบริจาค แย้ว พูดไปก็หาว่า อวดอีก เฮ้อ ใจมันอกุศล มันก็เป็นแบบนี้แหละ อิอิ
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    คุณศรัทธาสูง สติปัญญาดี แต่มีมานะและทิฏฐิ คุณต้องฝึกละตรงนี้ด้วย และให้เป็นไปตามแนวทางของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช คุณยังไม่ถึงขั้นมิจฉาทิฏฐิหรอกครับ ก็นับว่าเป็นคนดีอยู่ แต่ควรปรับหน่อย คืออย่าใจร้อน ธรรมะเป็นของที่ต้องใจเย็น พยายามทำความเข้าใจอริยสัจจ์สี่ มีดำริออกจากกาม อย่าหมกมุ่นในกาม ให้ทานบ้าง รักษาศีล 5 โอเคนะครับ...อย่าคิดมาก...
     
  12. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ไม่ใช่แค่ มานะ มานี ชูใจ หรอกครับ ผมมีครบ ทั้ง ราคะ โทสะ โมหะ ทุกตัว
    นรกท่วมหัวอยู่เลย ครับ

    สรุปแล้วท่านอ่านบทสนทนา ที่ผ่านมายังละเนี้ย

    ว่า มีการกระทำ โดยไม่มีผู้กระทำ นั้นมีได้จริง อิอิ
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    งั้นจงไปสนทนากับ โฮฮับ ต่อเหมือนกันเด๊ะเลย อิอิอิ
     
  14. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ผมไปเหมือน คุณโฮฮับ แล้วรึนี้ ลุง แบบนี้ คุณโฮฮับเข้าจะเสียเอานะ ท่านนั้นเข้า ลุธรรมชั้นไหนๆแย้ว
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เปล่าๆ ผมบอกว่าไปสนทนากับโฮฮับก็ได้ ที่นี่ก็เหมือนกับสนทนาโฮฮับเด๊ะ ไม่แพ้กันเลย
     
  16. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    ออ ครับ 555555555555555555555
     
  17. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ได้มุมมองหลากหลายดีนะครับ เร่งปฏิบัติไปด้วยสนทนาธรรมไปด้วย เพื่อให้แตกฉานครับทุกท่าน ขอคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณพระพุทธเจ้าทั้งหลายช่วย เเผ่ให้ผู้ที่ยังไม่ถึงได้ถึง ผู้ที่ถึงแล้วได้ช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไปด้วยเถิดสาธู
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ยังจะโชว์ความเขลา...อยู่แถวๆนี้อีกหรือ

    พระพุทะพจน์ชัดเจนว่าให้ค้นหาพระนิพพานที่ไหน?

    ใช่ที่กายยาววา หนาคืบ กว้างศอกใช่หรือไม่?

    แล้วอะไรหละที่ปล่อยวางขันธ์๕?


    อย่าบอกนะว่ามีแต่การปล่อบวาง ผู้ปล่อยวางไม่มี

    อย่าพยายามใช้สันดานเลวๆแบบคนในบอร์ดนี้

    เมื่อกล่าวหาว่าร้ายคนอื่นไว้ว่าไม่มีเหตุ ไม่มีผล อะไรก็จะสวดโชวสาว

    กรุณาชี้ชัดๆลงไปว่าตรงไหน อย่างไร?

    ถ้าชี้แจงออกมาไม่ได้ว่า ไม่มีเหตุผลอย่างไร? โชว์สาวอย่างไร?

    ก็อย่ามาเสนอหน้าให้อายคนอ่านอยู่เลย

    อย่าใช่วิธีคนเขลาเบาปัญญา เอาแต่พูดในสิ่งที่ตนเองอยากพูดเท่านั้น

    บอกให้ไปขึ้นกระทู้ ว่ากันชัดๆ ก็ไม่เอา หลบหน้าเฉยเลย

    ชอบเป็นอีแอบตอดเล็กตอดน้อย เพื่อโชว์สาวหรือ เฮ้อ!!!

    เจริญในธรรมทุกท่าน

     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ทำเป็นอวดรู้ โชว์ภูมิ เพื่ออวดลูกแมวน่ารักที่สาวๆชอบ

    ทำตัวเก่งเกินพระบรมครูจอมศาสดา พระสังฆราช และพระเถระ

    ที่ยกมานั้น ล้วนเป็นหลักฐานมีที่มาที่ไป โดยไม่ต้องเพิ่มเติมเสริมแต่งเลย

    ถ้าพระนิพพานเรียกว่า อสังขตธรรมธาตุแล้ว

    แม่ธาตุทั้ง๖ ที่เป็นอสังขตธรรมธาตุ ก็ต้องเป็นพระนิพพานไปด้วยนะสิ

    มีหลักฐานชัดเจนจากสมเด็จพระสังฆราชท่านตรัสไว้ดีแล้ว

    แล้วไม่รู้จริงๆ หรือทำตัวอวดเก่งเกินกว่าท่านทั้งหลายที่กว่ามา

    เพราะท่า่นที่กล่าวมาทั้งหลาย ท่านแปลคำว่า"วิราคะธรรม"ในบทนี้ว่า

    วิราคะธรรม คือธรรมที่แยกแล้ว คือธรรมที่ได้รับความบริสุทธิ์ เป็นวิสังขาร

    ก็เตือนแล้วตั้งหลายครั้งว่า อย่าพยายามแอบอ้าง

    ทำอะไรควรมีหลักฐานที่ชัดเจนไม่แอบแฝงใดๆ

    ธรรมะของพระพุทธองค์นั้น ตรงไปตรงมา ตริตรองตามได้

    ไม่คตในข้องอในกระดูก เหมือนพวกชอบแอบอ้างหรอก

    จำไว้นะ

    "วันหลังจะลงอะไรหัดสอบสวนเทียบเคียงให้ดีก่อนนะ อย่าเอาเเต่โชวหญิง"

    คนอะไร"ลื่นเหลือล้น หน้าทนเหลือหลาย"

    สนทนาสมควรแก่ธรรม
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ธรรมะที่เป็นพหุลานุสาสนี

    ทุกขสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์


    สมเด็จพระญาณสังวร

    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    วัดบวรนิเวศวิหาร



    ที่มาของคำว่าธาตุ

    เพราะฉะนั้นจึงได้มีคำสมมติบัญญัติเรียกสิ่งที่เป็นต้นเดิม อันเป็นที่มาของสิ่งปรุงแต่งทั้งหลายว่าธาตุ ซึ่งบรรดาสังขารทั้งหลายนั้นก็จะต้องมาจากธาตุ และธาตุในทางพิจารณานั้นก็ดังเช่นที่ตรัสสอนให้พิจารณาว่ากายนี้ปรุงมาจากธาตุ ๔ คือธาตุดินธาตุน้ำธาตุไฟธาตุลม และเติมอากาสธาตุเข้าอีกก็เป็นธาตุ ๕ แต่โดยมากก็แสดงแค่ธาตุ ๔ สำหรับพิจารณา ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ธาตุเหล่านี้มาปรุงขึ้นเป็นกาย และเมื่อกายแตกสลาย ธาตุทั้งหลายที่ปรุงเข้ามารวมกันเข้าเป็นกายนี้ก็แตกแยกกันออกไป และบุคคลทุกๆ คนนั้นยังมีวิญญาณธาตุคือธาตุรู้เข้ามาประกอบอีกด้วย จึงเป็นบุรุษสตรีเป็นบุคคล

    *ฉะนั้นพระบรมศาสดาจึงได้ทรงแสดงว่าบุรุษบุคคลเรานี้มีธาตุ ๖ คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุอากาส และวิญญาณธาตุคือธาตุรู้ดั่งนี้ มาประชุมปรุงแต่งกันขึ้นเป็นบุรุษสตรี เป็นบุคคลดังที่ปรากฏอยู่ เพราะฉะนั้น ธาตุเมื่อเป็นธาตุแท้ก็ย่อมเป็นวิสังขาร แต่ว่าธาตุในทางพิจารณานั้นก็อาจจะยังไม่ใช่เป็นธาตุแท้

    อย่างธาตุดินธาตุน้ำธาตุไฟธาตุลม ก็ยังเป็นสังขารคือสิ่งผสมปรุงแต่งอีกนั่นเอง แต่ว่าถ้าแสดงโดยลักษณะเช่นว่าสิ่งที่แข้นแข็งเรียกว่าปฐวีธาตุธาตุดิน สิ่งที่เอิบอาบเหลวไหลเรียกว่าอาโปธาตุธาตุน้ำ สิ่งที่อบอุ่นเรียกว่าเตโชธาตุธาตุไฟ สิ่งที่พัดไหวเรียกว่าวาโยธาตุธาตุลม และสิ่งที่เป็นช่องว่างเรียกว่าอากาสธาตุธาตุอากาศ ดั่งนี้ ความเป็นธาตุก็ละเอียดเข้าไปอีก

    อย่างไรก็ดีที่จะเป็นวิสังขาร คือไม่ใช่สิ่งปรุงแต่งอันเป็นต้นเดิมที่แท้จริงนั้น ก็จะต้องเป็นสิ่งที่แยกออกไปอีกไม่ได้ เป็นสิ่งที่ยืนตัวอยู่อย่างนั้น แยกออกไปไม่ได้จริงๆ จึงจะเป็นตัวธาตุแท้ และถ้าหากว่ามีอยู่ นั่นก็คือวิสังขารทางวัตถุ ซึ่งเป็นต้นเดิมของสังขารสิ่งประสมปรุงแต่งทางวัตถุทั้งหลาย

    *ส่วนทางจิตใจนั้น จิตใจที่เป็นวิญญาณธาตุ ธาตุรู้ ตัวรู้ที่ประกอบด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรมทั้งหลาย นั่นก็ยังเป็นสังขารส่วนประสมปรุงแต่ง แต่ว่าตัวรู้ที่สิ้นอวิชชาตัณหาอุปาทานทั้งหมด เป็นตัวรู้ที่รู้พ้น ไม่มีสิ่งผสมปรุงแต่ง ไม่มีการผสมปรุงแต่งทั้งสิ้น เป็นรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย สิ้นอาสวะกิเลสทั้งหมด ซึ่งอาจจะแสดงออกมาเป็นสมมติบัญญัติก็เป็นวิชชาเป็นวิมุติ เป็นตัวรู้ที่บริสุทธิ์ไม่มีเครื่องปรุงแต่งด้วยประการทั้งปวง *ดั่งนี้ก็กล่าวได้ว่าเป็นสภาพที่เป็นวิสังขาร ที่เป็นวิราคะธรรม หรือเป็นนิพพาน ส่วนวิญญาณธาตุ ธาตุรู้ ที่ยังประกอบด้วยอาสวะกิเลสก็ยังเป็นสังขารคือยังผสมปรุงแต่ง

    เพราะฉะนั้น วิสังขารหรืออสังขตธรรมทางวิญญาณธาตุนั้น แสดงได้ตามหลักพระพุทธศาสนา ดั่งนี้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นคู่กัน สังขาร วิสังขาร และทั้งหมดนี้ก็เป็นอนัตตามิใช่อัตตาตัวตน

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...